พาส่อง iPad Pro มีกี่รุ่น รุ่นใดบ้าง น่าซื้อมากแค่ไหน

ในปัจจุบันไม่เพียงแต่กระแสของ Smartphone ที่กำลังมาแรงมากๆ เท่านั้น แต่อีก 1 อุปกรณ์ที่ใช้งานผ่านหน้าจอเป็นหลักในรูปแบบเดียวกันกับ Smartphone และยังได้รับความนิยมที่สูงมากไม่แพ้ Smartphone ถึงแม้ว่าหน้าจอจะมีขนาดที่ใหญ่กว่ามากก็ตาม นั่นก็คือสินค้าประเภท Tablet จากแบรนด์ Apple อย่าง iPad ที่พูดได้ว่ามีเปิดตัวสินค้าออกมามากมายหลากหลายรุ่น หลากหลายซีรีส์ให้ได้เลือกซื้อและจับจองกันตามความต้องการแทบทุกๆ ปีนั่นเอง 

เมื่อพูดถึงไอแพดก็เป็นที่รู้กันในกลุ่มผู้ใช้งานว่ามาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่มากมายตอบโจทย์ทุกความต้องการจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้านบันเทิงเช่น ฟังเพลงหรือดู MV ร่วมกับหูฟัง True Wireless, ในด้านการเล่นเกมออนไลน์ร่วมกับ หูฟังเกมมิ่งไร้สาย, ในด้านการรับชมภาพยนตร์ร่วมกับลำโพง Soundbar รวมถึงในด้านการทำงานร่วมกับคีย์บอร์ดหรือเมาส์ไรส้าย นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานเป็นกล้องถ่ายรูปสำหรับเก็บภาพและวิดีโอต่างๆ ได้อีกด้วย ขาดเพียงฟังก์ชันเดียวที่ทำให้ไอแพดแตกต่างจาก Smartphone นั่นก็คือไม่สามารถโทรศัพท์ผ่านซิมหรือผ่านเครือข่ายมือถือได้ จะสามารถโทรได้ผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตเท่านั้น และด้วยความที่ Apple เปิดตัวไอแพดออกมามากมายหลากหลายรุ่นในแทบทุก ๆ ปี และแต่ละรุ่นที่ออกมาก็มาพร้อมฟังก์ชัน ความสามารถ และ Features รวมถึงด้านราคาที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ iPad รุ่นเรือธงอย่าง iPad Pro ที่มาพร้อมสเปกและฟังก์ชันแบบจัดเต็มเหนือกว่ารุ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Chipset ภายในที่แรงและอัจฉริยะ, หน้าจอสุดคมชัด, ระบบเสียง Spatial Audio, กล้องที่ถ่ายภาพได้คมชัดแบบเดียวกับใน iPhone รุ่นเรือธง เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้งานและผู้ที่กำลังลังเลหรือคิดจะซื้อไอแพดนั้นไม่แน่ใจว่าควรจะซื้อรุ่นไหนดี รุ่นไหนที่เหมาะกับตนเอง หรือรุ่นไหนดีที่สุด

และเพื่อเป็นการเอาใจผู้ที่กำลังมองหา iPad Pro และยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกซื้อหรือจับจองรุ่นไหนดี รวมถึงรุ่นใดจะมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่โดดเด่นและเหมาะกับตนเองมากที่สุด จาก iPad Pro หลากหลายรุ่นที่วางขายอยู่ในตอนนี้ซึ่งมีให้ได้เลือกซื้อและจับจองเป็นเจ้าของ ในครั้งนี้ mercular.com จึงได้รวบรวมเอาข้อมูล พาส่อง iPad Pro มีกี่รุ่น รุ่นใดบ้าง น่าซื้อมากแค่ไหน มาแนะนำเป็นตัวเลือกให้กับผู้อ่านทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีรุ่นใดบ้าง และแต่ละรุ่นจะน่าสนใจแค่ไหนนั้น เราไปดูกันเลยครับ

5 iPad Pro ในบทความนี้

• iPad Pro รุ่น 13 นิ้ว (ชิป M4)
• iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 6)
• iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5)
• iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 4)
• iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3)

พึ่งเปิดตัวกันแบบสด ๆ ร้อน ๆ กับ iPad Pro ชิป M4 ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 13 นิ้ว มองภาพทุกอย่างได้สะใจ สวยงามด้วยรูปแบบจอ Ultra Retina XDR ที่ล้ำที่สุดของแบรนด์แล้วในขณะนี้ เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่แอปเปิ้ลนั้นได้ใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบ OLED ถึงสองชั้น มอบความสว่างถึง 1,000 นิต เห็นภาพได้อย่างชัดเจน และยังให้ความสว่าง HDR สูงสุดเฉพาะจุดถึง 1,600 นิต อีกทั้งยังมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 2,000,000:1 ทำให้เรื่องของความคมชัดนั้น แทบจะหาใครมาสู้ได้ ยิ่งเสริมเทคโนโลยีสุดล้ำหน้าอย่าง ProMotion และ True Tone ก็ทำให้การมองหน้าจอนั้นสบายสายตามากยิ่งขึ้น ทุกอย่างจะได้รับการสะท้อนออกมาอย่างสมจริง

และแน่นอนว่าไม่เพียงแค่เรื่องหน้าจอเท่านั้น แต่ตัวชิปเองก็ได้การอัปเกรดให้เป็นแบบล่าสุด โดยชิปตัวล่าสุดอย่าง Apple M4 นั้น จะส่งประสิทธิภาพการเรนเดอร์ถึง 4 เท่า และพลังขับเคลื่อน CPU เร็วขึ้นสูงสุด

1.5 เท่า เมื่อเทียบกับชิป M2 ตอบโจทย์สำหรับการทำงานอย่างรวดเร็ว และการเล่นเกมที่จะยกระดับภาพให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ทำให้การใช้งานข้างนอกนั้นทำได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดก่อนกลับถึงบ้าน 

โดยรุ่นนี้ก็ถือว่าตัวที่บางที่สุดที่ Apple เคยสร้างสรรค์มา เพราะความบางนั้นอยู่ที่ 5.1 มม. เท่านั้นเอง ใช้งานร่วมกับ Apple Pencil Pro แบบใหม่ล่าสุด พร้อมกับ Magic Keyboard สำหรับรุ่นชิป M4 โดยเฉพาะ การสร้างสรรค์ผลงานจึงทำออกมาได้อย่างโปร เหนือกว่าทุกสิ่งที่คุณเคยใช้มาอย่างแน่นอน

iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 6) เป็นไอแพดโปรหน้าจอใหญ่รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานระดับโปรตามชื่อรุ่นอย่าง iPad Pro อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับสูงสุดในบรรดาไอแพดทุกๆ รุ่นจากแอปเปิ้ล ไม่ว่าจะเป็นส่วนของจอภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดถึง 12.9 นิ้ว อีกทั้งยังใช้จอรูปแบบพิเศษที่ให้สีสันที่คมชัดและสว่างที่สุดอย่าง Liquid Retina XDR ซึ่งจะแตกต่างจากจอ Liquid Retina แบบปกติที่แม้จะมีความคมชัดไม่แพ้กัน แต่ด้านความสว่างสูงสุดนั้นอาจจะยังไม่เท่าจอแบบ Liquid Retina XDR

ด้านสเปกภายในถูกขับเคลื่อนด้วย Chipset อัจฉริยะจาก Apple ในรุ่นล่าสุดอย่าง Apple M2 แบบเดียวกับใน MacBook Pro ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้านบันเทิง ด้าน Multi-Media และที่โดดเด่นที่สุดคือในด้านการทำงาน เพราะสามารถรันโปรแกรมเกี่ยวกับการทำงานต่างๆ ได้ในระดับที่เรียกได้ว่าสูสีกับการใช้งานใน MacBook เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็น iPad รุ่นที่มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 12MP แบบ TrueDepth และกล้องหลัง 2 ตัวที่แบ่งเป็น กล้องไวด์ความละเอียด 12MP และกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 10MP ในส่วนของความปลอดภัยในรุ่นนี้ก็เลือกใช้เป็นระบบสแกนหน้า Face ID แบบเดียวกับใน iPhone รุ่นโปร ที่ไม่เพียงแต่มีความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ เท่านั้นแต่ยังใช้งานได้ง่ายและมีการประมวลผลที่รวดเร็วอีกด้วย ด้านอุปกรณ์เสริมรองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2 เท่านั้น) รวมถึง Magic Keyboard ที่ช่วยให้การใช้งาน iPad ใกล้เคียงความเป็น Laptop เข้าไปอีกขั้น

iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) หรือรุ่นก่อนหน้า iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ที่ยังวางขายอยู่และมีราคาที่ลดลงมาจากในรุ่นล่าสุดเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้ที่มีงบประมาณลดลงมา มาพร้อมสเปกและความสามารถแบบอัดแน่นเช่นเดียวกันกับใน iPad Pro รุ่นล่าสุด ทำให้แม้จะไม่ใช่รุ่นล่าสุดแต่ความสามารถรอบด้าน ใช้งานได้ครบครันในแบบใกล้เคียงรุ่นล่าสุดอย่างแน่นอน โดยในส่วนของหน้าจอมีขนาดใหญ่ที่สุดถึง 12.9 นิ้ว อีกทั้งยังใช้จอรูปแบบพิเศษที่ให้สีสันที่คมชัดและสว่างที่สุดอย่าง Liquid Retina XDR ซึ่งจะแตกต่างจากจอ Liquid Retina แบบปกติรวมถึงหน้าจอของ iPad Pro 11 นิ้วรุ่นล่าสุดด้วยเช่นกัน ที่แม้จะมีความคมชัดไม่แพ้กัน แต่ด้านความสว่างสูงสุดนั้นอาจจะยังไม่เท่าจอแบบ Liquid Retina XDR

ด้านสเปกภายในถูกขับเคลื่อนด้วย Chipset อัจฉริยะจาก Apple ในรุ่น Apple M1 แบบเดียวกับที่เลือกใช้ใน MacBook Pro รุ่นก่อนหน้ารุ่นล่าสุดและใน MacBook รุ่นอื่นๆ ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้าน Multi-Media และในด้านการทำงาน ด้วยสามารถในการรันโปรแกรมได้ใกล้เคียงกับบน Laptop หรือจะเรียกว่าสูสีกับการใช้งานใน MacBook ก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังเป็น iPad รุ่นที่มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 12MP แบบ TrueDepth และกล้องหลัง 2 ตัวที่แบ่งเป็น กล้องไวด์ความละเอียด 12MP และกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 10MP ในส่วนของความปลอดภัยในรุ่นนี้ก็เลือกใช้เป็นระบบสแกนหน้า Face ID ตามมาตรฐานของ iPad Pro ที่ไม่เพียงแต่มีความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ เท่านั้นแต่ยังใช้งานได้ง่ายและมีการประมวลผลที่รวดเร็วอีกด้วย ด้านอุปกรณ์เสริมรองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2 เท่านั้น) และ Magic Keyboard

iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 4) รุ่นรองของ iPad Pro รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานระดับโปรตามชื่อรุ่นอย่าง iPad Pro ด้วยเช่นกัน โดยมาพร้อมสเปกที่จัดเต็มเหมือนกับใน iPad Pro 12.9 นิ้ว รุ่นล่าสุด (รุ่นที่ 6) แตกต่างเพียงขนาดของตัวเครื่องและหน้าจอที่เล็กกว่าอยู่ที่ 11 นิ้ว และอีกจุดที่แตกต่างจาก iPad Pro รุ่นล่าสุดคือส่วนของหน้าจอที่จะเหมือนกับใน iPad รุ่นอื่นๆ คือ Liquid Retina โดยจะมีความสว่างหน้าจอน้อยกว่าแต่โดยรวมก็ยังพูดได้ว่าสว่างมากๆ ตอบโจทย์ในทุกการใช้งานและในทุกสถานการณ์เช่นเดียวกัน

สำหรับสเปกภายในของ Pad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 4) จะเหมือนกับใน iPad Pro รุ่นใหญ่สุดแบบที่กล่าวไว้ข้างต้นที่ถูกขับเคลื่อนด้วย Chipset อัจฉริยะจาก Apple ในรุ่นล่าสุดอย่าง Apple M2 แบบเดียวกับใน MacBook Pro รุ่นล่าสุด ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้าน Multi-Media ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม และโดดเด่นในด้านการใช้งานร่วมกับการทำงานในระดับมืออาชีพ สามารถรันโปรแกรมเกี่ยวกับการทำงานต่างๆ ได้ในระดับที่ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับบน Laptop หรือ MacBook เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็น iPad รุ่นที่มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 12MP แบบ TrueDepth และกล้องหลัง 2 ตัวแบ่งเป็น กล้องไวด์ความละเอียด 12MP และกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 10MP ส่วนของความปลอดภัยในรุ่นนี้ก็เลือกใช้เป็นระบบสแกนหน้า Face ID ตามมาตรฐานของ iPad Pro ที่ไม่เพียงแต่มีความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ เท่านั้นแต่ยังใช้งานได้ง่ายและมีการประมวลผลที่รวดเร็วอีกด้วย ส่วนของอุปกรณ์เสริมรองรับการใช้งานร่วมกับทั้ง Apple Pencil (รุ่นที่ 2 เท่านั้น) และ Magic Keyboard

รุ่นสุดท้ายกับ iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) iPad Pro รุ่นก่อนก่อนหน้าล่าสุดอย่าง iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 4) ที่มาพร้อมสเปกภายในแบบที่เรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากรุ่นล่าสุด แต่มาในราคาที่เบากว่าพอสมควร เหมาะกับผู้ที่มีงบจำกัดหรือไม่ได้มีงบสูงมาก และอยากสัมผัสประสบการณ์การใช้งาน iPad Pro โดยในรุ่นนี้จะแตกต่างจากในรุ่นใหญ่สุดตรงที่ขนาดของตัวเครื่องและหน้าจอที่เล็กกว่าอยู่ที่ 11 นิ้ว และอีกจุดที่แตกต่างจาก iPad Pro รุ่นใหญ่คือส่วนของหน้าจอที่จะเหมือนกับใน iPad รุ่นอื่นๆ ที่เป็น Liquid Retina โดยจะมีความสว่างหน้าจอน้อยกว่าแต่โดยรวมก็ยังพูดได้ว่าสว่างมากๆ ตอบโจทย์ในทุกการใช้งานและในทุกสถานการณ์เช่นเดียวกัน

สำหรับสเปกภายในของ iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) จะเหมือนกับใน iPad Pro 11 นิ้ว รุ่นล่าสุดแบบที่กล่าวไว้ข้างต้นยกเว้นเพียง Chipset อัจฉริยะจาก Apple ที่ใช้รุ่นก่อนหน้า Apple M1 แบบเดียวกับใน MacBook Pro และ MacBook รุ่นใหม่ๆ ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้าน Multi-Media ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม และในด้านการใช้งานร่วมกับการทำงานในระดับมืออาชีพ สามารถรันโปรแกรมเกี่ยวกับการทำงานต่างๆ ได้ในระดับที่ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับบน Laptop หรือ MacBook มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 12MP แบบ TrueDepth และกล้องหลัง 2 ตัวแบ่งเป็น กล้องไวด์ความละเอียด 12MP และกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 10MP ส่วนของความปลอดภัยในรุ่นนี้ก็เลือกใช้เป็นระบบสแกนหน้า Face ID ตามมาตรฐานของ iPad Pro ที่ไม่เพียงแต่มีความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ เท่านั้นแต่ยังใช้งานได้ง่ายและมีการประมวลผลที่รวดเร็วอีกด้วย ส่วนของอุปกรณ์เสริมรองรับการใช้งานร่วมกับทั้ง Apple Pencil (รุ่นที่ 2 เท่านั้น) และ Magic Keyboard

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 5 ไอแพดรุ่นไหนดี คุ้มค่า ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ที่ทาง Mercular ได้คัดเลือกมาแนะนำกันในครั้งนี้ โดยแต่ละรุ่นที่เลือกมานั้นรับรองได้เลยว่าเป็น iPad Pro ที่ไม่เพียงแต่มาพร้อมรูปร่างหน้าตาและการออกแบบสุดพรีเมียมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Apple เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วนและทันสมัย ตอบโจทย์ในทุกการใช้งานทั้งมัลติมีเดีย และด้านการทำงาน รับรองได้ว่าตอบโจทย์คนที่มองหา iPad Pro ที่ยังไม่รู้ว่ารุ่นไหนดีที่สุดและไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดีอย่างแน่นอนครับ

ซึ่งทาง Mercular เองนั้นก็มีอุปกรณ์เสริมสำหรับการใช้งานร่วมกับ iPad Pro รวมไปถึงสินค้าต่าง ๆ ของแบรนด์ Apple ให้เลือกใช้งานอีกมากมาย ที่จะทำให้การใช้งานนั้นสบายมากยิ่งขึ้น ดึงเอาประสิทธิภาพการใช้งานออกมาได้อย่างสูงที่สุด ใครที่สนใจก็เข้ามาดูกันได้ที่เว็บของเราได้เลยครับ และครั้งหน้าเรานั้นจะมีอะไรมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ได้ดูกันอีก ก็อย่าลืมติดตามพวกเรา เพื่อไม่พลาดของดี ๆ กันนะครับ เพราะ Gadget ที่ใช่ ยังไงก็ Mercular