.png)
.jpg)
.png)
4 หูฟังเกมมิ่งครอบหูขั้นสุด ตัวจบของสายเกม
คูปองส่วนลด
ดูทั้งหมด
ลดเพิ่ม 400.-
คูปองส่วนลด Songkran Festival
เมื่อช้อปครบ 8,000.-
ใช้แล้ว 100%
หมดแล้ว
ลดเพิ่ม 150.-
คูปองส่วนลด Songkran Festival
เมื่อช้อปครบ 3,000.-
ใช้แล้ว 100%
หมดแล้ว
ลดเพิ่ม 10%
คูปองส่วนลด Songkran Festival
ไม่มีขั้นต่ำ สูงสุด 100.-
ใช้แล้ว 100%
หมดแล้ว
ลดเพิ่ม 2,000.-
Klipsch Global Store 2,000.-
เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ
เก็บ
ลดเพิ่ม 500.-
คูปองส่วนลด Audeze
เมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ
เก็บ
Version :
PlayStation
คะแนนสินค้า
จาก 0 รีวิว
ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน
฿3,966.67/เดือน
(0% 3 เดือน)฿2,975.00/เดือน
(0% 4 เดือน)฿1,983.33/เดือน
(0% 6 เดือน)฿1,190.00/เดือน
(0% 10 เดือน)
ส่งฟรี
จัดส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อซื้อครบ 899.-
การรับประกัน
รับประกันโดยศูนย์ไทยระยะเวลา 1 ปี
ของแท้ 100%
เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ปรับขนาดสายคาดได้ ตอบโจทย์ศีรษะหลายขนาด
Planar Magnetic Driver ขนาด 90 มิลลิเมตร
แบตเตอรี่อึดทนนานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง
คุณภาพเสียงคมชัดสูงสุดถึงระดับ 24-bit/96kHz
รายละเอียดสินค้า
หูฟัง Audeze Maxwell
9.2
ข้อดี
- Earpad สามารถถอดเปลี่ยนเองได้
- เชื่อมต่อได้ทั้งไร้สายและมีสาย
- ใช้งานได้ทั้ง PC และ Console
- แบตเตอรี่นานถึง 80 ชั่วโมง
จุดสังเกต
- ตัวหูฟังหนัก สวมใส่นานอาจจะไม่สะดวก
- พับเก็บไม่ได้ ทำให้พกพาไม่สะดวก
หูฟัง Audeze Maxwell Wireless Gaming Headset เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหูฟังเกมมิ่งที่ดีที่สุดในช่วงนี้ โดยทางแบรนด์ Audeze ก็ได้เคลมเอาไว้เลยว่าเป็นหูฟังที่โดดเด่นในแทบทุกด้าน และพร้อมท้าชนกับแบรนด์เกมมิ่งอื่นๆ ด้วยจุดเด่นของรุ่นนี้นั่นก็คือการเลือกใช้ไดรเวอร์เสียงแบบพิเศษที่เรียกว่า Planar Magnetic ขนาดใหญ่ถึงข้างละ 90 มิลลิเมตรที่ทางแบรนด์พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษจนเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางแบรนด์ ที่สำคัญคือในรุ่นนี้มาพร้อมการเชื่อมต่อทั้งไร้สายและมีสายรองรับทั้งการเล่นเกมและรองรับการเล่นเพลงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio ที่ระดับ 24-bit/96kHz ซึ่งภาพรวมต้องบอกเลยว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆ จะใช้งานเล่นเกมกับคอมพิวเตอร์, คอนโซล หรือจะเอาไปใช้งานฟังเพลงก็ตอบโจทย์ทั้งหมด โดยจะมีฟังก์ชันใดเด่นๆ และน่าจับจองเป็นเจ้าของมากแค่ไหนนั้น เราไปดูกันเลยครับ
Key-Highlight
- หูฟังเกมมิ่งไร้สาย สวมใส่สบายกระชับศีรษะ
- ปรับขนาดสายคาดได้ ตอบโจทย์ศีรษะหลายขนาด
- Planar Magnetic Driver ขนาด 90 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี่อึดทนนานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง
- รองรับระบบ Fast Charge ชาร์จได้รวดเร็ว
- Ultra-Low Latency Wireless เชื่อมต่อไร้สายไม่ดีเลย์
- รองรับ LE Audio, LC3, LC3plus, LDAC, AAC, SBC
- คุณภาพเสียงคมชัดสูงสุดถึงระดับ 24-bit/96kHz
- ถึกทนตกไม่หักไม่งอด้วยวัสดุอลูมิเนียมคุณภาพสูง
- ไมค์ตัดเสียงรบกวนด้วยระบบ AI สนทนาคมชัด
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos (เฉพาะเวอร์ชั่น Xbox)
- เชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกันไม่ต้องสัลบไปมา
- รองรับ PC, โน๊ตบุ๊ค เกมคอนโซล และอุปกรณ์พกพา
- รองรับการชาร์จไปเล่นไปผ่านสายชาร์จ USB-C
การเชื่อมต่อ
- Wireless: Ultra-low-latency
- Bluetooth 5.3
- AUX/3.5 mm.
- USB C
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x Audeze Maxwell
- 1 x ไมโครโฟน
- 1 x Dongle USB C
- 1 x สาย USB C to USB C
- 1 x หัวแปลง USB C to USB A
- 1 x สาย AUX/3.5 mm.
- 1 x คู่มือการใช้งาน
Audeze Maxwell ว่าที่หูฟังเกมมิ่งที่ดีที่สุดในปีนี้
รีวิวการใช้งานของ หูฟัง Audeze Maxwell Wireless Gaming Headset
รูปทรงสุดพรีเมียม แข็งแรงทนทาน
Audeze Maxwell เป็นหูฟังเกมมิ่งหรือหูฟังเล่นเกมไร้สาย สวมใส่แบบครอบหูพร้อมสีเทาดำที่มีความเท่และพรีเมียมอยู่ภายในตัว ตัวโครงสร้างของหูฟังนั้นมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก เพราะเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานอย่าง เหล็กและอลูมิเนียม เป็นหลัก ตัวก้านหูฟังสามารถบีบหรือกางออกได้อย่างอิสระ ส่วนวิธีการปรับก้านหูฟังนั้นจะแตกต่างจากหูฟังรุ่นอื่นๆ โดยจะไม่สามารถปรับ ขึ้น-ลงได้ แต่จะใช้เป็นการปรับสายหนังคาดหัวที่ทั้ง 2 ฝั่งจะมีน็อตยึดสายคาดเอาไว้ ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับสายคาดให้พอดีได้ตามต้องการ
สวมใส่สบาย Earpad ถอดเองได้
นอกจากส่วนของการออกแบบและวัสดุที่เลือกสรรค์มาเป็นพิเศษของ Audeze Maxwell แล้ว ส่วนของ Earpad ยังสามารถถอดออกเพื่อเปลี่ยนได้เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพ แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่ปกติจะไม่สามารถถอดเปลี่ยน Earpad ได้ทำได้แค่ซื้อหูฟังตัวใหม่เท่านั้น ในส่วนของการสวมใส่จากที่ทีมงานได้ลองแล้วหากสวมใส่เล่นเกมไม่นานก็ให้ความรู้สึกที่สบายแบบสุดๆ จาก Earpad ที่มีความนุ่มไม่รู้สึกว่าร้อนหูและไม่ได้ถูกบีบศีรษะเท่าไหร่ ผู้ใช้งานที่ใส่แว่นก็สามารถสวมใส่ได้เพราะ Earpad ไม่ได้บีบขาแว่นแต่อย่างใด
หูฟังเกมมิ่งที่เรียบง่ายและดูดีในขณะเดียวกัน
จากภาพรวมในด้านดีไซน์ รูปทรง วัสดุ และส่วนของการสวมใส่ ก็ต้องบอกเลยว่า Audeze Maxwell เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ดีไซน์ออกมาได้ดูดีมากๆ หน้าตามีความเรียบง่ายเพียงถอดไมโครโฟนออกก็จะกลายเป็นหูฟังแบบทั่วๆ ไปที่ไม่ได้มีความเป็นเกมมิ่งจ๋าเท่าไหร่นัก ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานด้านอื่นๆ ในชีวิตประจำวันเช่น ฟังเพลง และรับชมภาพยนตร์ออนไลน์ เป็นต้น โดยในรุ่นนี้มีจุดที่ควรระวังคืออาจจะพกพาไปด้วยไม่สะดวกเท่าใดนักด้วยน้ำหนักที่มากถึง 500 กรัม รวมถึงตัวหูฟังไม่สามารถพับเก็บได้
ควบคุมสะดวกด้วยปุ่มและช่องเชื่อมต่อที่ครบครัน
ในส่วนของการใช้งานของ Audeze Maxwell ด้านการควบคุมก็ต้องบอกเลยว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดีด้วยปุ่มกดที่อยู่บนตัวหูฟังอย่างครบครันที่ตัวหูฟังข้างซ้าย ผู้ใช้งานสามารถควบคุมได้ครบทุกความต้องการในการใช้งาน ประกอบไปด้วยปุ่ม เปิด/ปิด ไมค์, ปุ่ม เปิด/ปิด หูฟังที่ทำหน้าที่ในการเปิด Pairing Bluetooth ด้วยในตัว, ปุ่ม NoiseReduction, ปุ่มปรับเสียง Chat/Game และปุ่ม เพิ่ม/ลดเสียง ส่วนด้านช่องการเชื่อมต่อประกอบด้วยช่อง AUX/3.5 mm., ช่องเชื่อมต่อไมโครโฟน และช่อง USB C
เชื่อมต่อได้ทั้งไร้สายและมีสาย
สำหรับการเชื่อมต่อของ Audeze Maxwell ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ เพราะมาพร้อมการเชื่อมต่อหลากหลายวิธีด้วยกันทั้งไร้สายและมีสาย โดยส่วนของการเชื่อมต่อแบบไร้สายนั้นประกอบไปด้วย Bluetooth เวอร์ชั่น 5.3 เข้า Pairing โหมดได้ง่ายดายด้วยการกดที่ปุ่ม Power 2 ครั้งจากนั้นก็เลือกเชื่อมต่อได้ในทันที และอีกวิธีในการเชื่อมต่อแบบไร้สายคือเชื่อมต่อผ่าน Dongle USB ที่ให้มาด้วย ที่ตัว Dongle มีสวิตช์ให้ได้เลือกสลับระหว่างโหมด PC และ PS ตามการใช้งาน ซึ่งตัว Dongle สามารถรับสัญญาณได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตรและให้สัญญาณที่ลื่นไหลไม่ดีเลย์
ไมโครโฟนรับเสียงได้คมชัดทุกการสนทนา
ในส่วนไมโครโฟนของ Audeze Maxwell ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกรุ่นที่ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ โดยการใช้งานนั้นแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือจะใช้งานผ่านไมค์ Build-In ที่อยู่ภายในหูฟังก็ได้ หรือหากต้องการไมโครโฟนที่จริงจังและมีคุณภาพมากขึ้นก็สามารถเสียบไมค์แยกที่ทางแบรนด์ให้มาด้วยก็ได้เช่นกัน โดยตัวไมค์ทั้ง 2 แบบนั้นใช้เทคโนโลยีลดเสียงแทรกที่ทางแบรนด์พัฒนามาเป็นพิเศษ ผู้ใช้งานสามารถปรับเลือกโหมดตัดเสียงแทรกได้ถึง 3 รูปแบบผ่านปุ่ม AI NoiseReduction ที่ตัวหูฟัง
รองรับการใช้งานร่วมกับแอป Audeze HQ
ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งตัวหูฟัง Audeze Maxwell ได้เพิ่มเติมเมื่อใช้งานร่วมกับแอป Audeze HQ โดยผู้ใช้งานจะสามารถปรับแนวเสียงหรือ EQ ต่างๆ ได้ โดยทางแบรนด์ก็ยังให้ Preset มาถึง 6 แบบด้วยกันและผู้ใช้งานก็ยังสามารถปรับตั้งค่าแบบ Custom ได้ด้วยเช่นกันโดยสามารถปรับเองหรือ Custom ได้มากถึง 4 รูปแบบเลยทีเดียว นอกจากปรับตั้งค่า EQ แล้ว ผู้ใช้งานก็ยังสามารถปรับตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ทั่วไปได้ด้วย เช่น ตั้งระยะเวลาการปิดหูฟังเมื่อไม่ใช้งาน หรือปรับระดับความดัง Volume Limit เป็นต้น
แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องยาวนานถึง 80 ชั่วโมง
และแน่นอนว่าด้วยความที่เป็น หูฟังเกมมิ่งไร้สาย Audeze Maxwell จึงมาพร้อมกับแบตเตอรี่ภายในตัวที่ต้องยอมรับเลยว่าใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานมากๆ โดยใช้งานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งเลยทีเดียว มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไวเพียงชาร์จ 20 นาที สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 20 ชั่วโมงเลยทีเดียว และยิ่งเมื่อนำไปเทียบกับหูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นอื่นๆ ในตลาดก็จะเห็นได้ว่ารุ่นนี้ทำได้ยอดเยี่ยมเกินกว่ารุ่นอื่นๆ ที่มีระยะการใช้งานราวๆ 20 - 40 ชั่วโมง ไปไกลมากๆ
รีวิวเสียงของ หูฟัง Audeze Maxwell Wireless Gaming Headset
เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดเด่นของ Audeze Maxwell นอกจากเรื่องของไมโครโฟนและแบตเตอรี่ นั่นก็คือส่วนของสเปกเสียงนั่นเอง ด้วยไดรเวอร์เสียงภายในแบบ Planar Magnetic ขนาดใหญ่ถึงข้างละ 90 มิลลิเมตร โดยเป็นไดรเวอร์ที่ใช้ Diaphragm แบบเรียบและแม่เหล็กในการสร้างเสียงขึ้นมา เมื่อกระแสไฟไหลผ่านแม่เหล็กทำให้ Diaphragm สั่นจนกลายเป็นคลื่นเสียงออกมา ซึ่งนี่คือหลักการทำงานของไดรเวอร์ Planar Magnetic นั่นเอง โดยไดรเวอร์ประเภทนี้จะได้รับความเที่ยงตรงของเสียง ทำให้เสียงที่ผู้ใช้งานได้ยินนั้นมีความผิดเพี้ยนต่ำ ตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 10 - 50000 Hz
- เสียงกลาง: โทนเสียงมีความเคลียร์ รายละเอียดเสียงมีความชัดเจน เนื้อเสียงมีความคมชัด ภาพรวมเนื้อเสียงมีความอิ่มและหนา ฟังง่าย เสียงพูดแน่น
- เสียงสูง: เสียงสูงทอดเสียงออกไปได้ยาว เนื้อเสียงค่อนข้างเคลียร์ เนื้อเสียงฉ่ำ ไม่แห้งแตกและไม่มีอาการเนื้อเสียงบาดหูจนทำให้ผู้ฟังปวดหู
- เสียงเบส: เสียงเบสมวลออกมาเป็นลูกๆ ทรงกลม และลงได้ลึกถึงใจ ส่วนของแรงปะทะนั้นตูมตามสะใจแต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าเบสหนักหู
- เวทีเสียง: ส่วนของเวทีเสียงนั้นระยะเสียงมีความพอดีอย่างมาก โดยออกไปในทางกว้างพอประมาณ แยกแยะเครื่องดนตรีทั้งซ้าย-ขวาและชนิดดนตรีได้อย่างง่ายดาย โดยรวมถือว่าทำบาลานซ์เสียงออกมาได้ดีมากๆ ไม่มีย่านไหนที่ทับกันหรือถูกลดทอนลงไป
แนวเพลงที่เหมาะสม: Pop / Jazz / Blue / Pop-Rock
ในส่วนของการเล่นเกมต้องบอกเลยว่าทำได้ดีมากๆ สมกับที่เป็นหูฟังเกมมิ่ง โดยในโหมดเสียง Audeze ให้มิติเสียงและบรรยากาศของเสียงที่มีความชัดเจน สามารถแยกแยะรายละเอียดของเสียงออกมาได้อย่างง่ายดายมากๆ เสียงพูดในเกมฟังง่าย รู้เรื่อง ชัดเจนไม่มีอาการอู้อี้หรือปนกันกับเสียงอื่นๆ ส่วนโหมดเสียง Foot Step ก็จะรู้สึกได้ชัดเจนในทันทีว่าส่วนของเสียงฝีเท้าในเกมนั้นชัดเจนและโดดเด่นขึ้นมามาก ผู้ใช้งานสามารถแยกแยะระยะใกล้และไกลได้มากขึ้นและง่ายดายยิ่งขึ้กว่าเดิม ส่วนของโหมดเสียง Immersive จะให้แนวเสียงที่สมจริงและเป็นธรรมชาติมากกว่าโหมดเสียงอื่นๆ โดยทั้งหมดสามารถปรับได้ที่ตัวหูฟังทีเดียวจบ ไม่ต้องต้องไปต่อ External Soundcard เพิ่มให้วุ่นวาย
สรุป หูฟัง Audeze Maxwell Wireless Gaming Headset เหมาะกับใคร ?
หูฟังเกมมิ่งไร้สายระดับไฮเอนด์ที่ปฎิวัติวงการหูฟังเกมมิ่งด้วยขนาด Drivers ที่ใหญ่ถึง 90 มิลลิเมตรอย่างเจ้าตัว Audeze Maxwell Wireless Gaming Headset ตัวนี้ หูฟังที่มีลักษณะเป็นหูฟังเกมมิ่งครอบหูทำให้ใส่ได้นานไม่เจ็บ มีโครงที่ทำมาจากอลูมิเนี่ยมคุณภาพดีถึกทน มาพร้อมกับระบบเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Dongle Wireless ที่เรียกว่า Ultra-Low Latency Wireless ทำให้มีดีเลย์ที่ต่ำและ Bluetooth 5.3 ที่รองรับ codec LDAC, AAC, SBC และมาพร้อมกับช่องเชื่อมต่อสาย 2 ช่องทั้ง AUX 3.5 มมและ USB-C ที่ทำได้ทั้งใช้ฟังและใช้ชาร์จในเวลาเดียวกัน รองรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค รวมไปถึงมือถือและแท็ปเล็ต ไม่เพียงเท่านั้น หูฟังเกมมิ่งตัวนี้ถูกออกแบบมาให้เล่นกับตัวเครื่องเกมคอนโซลได้ไม่ว่าจะเป็น PlayStation 5, Nintendo Switch รวมไปถึงตัว Xbox Series X ด้วยครับ
Audeze Maxwell Wireless มาพร้อมกับ Beamforming ไมโครโฟนที่ช่วยให้การพูดคุยผ่านไมค์มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการตัดเสียงรอบข้างออกไปแบบหมดจดด้วยระบบ AI และสามารถถอดเก็บได้เมื่อไม่ได้ใช้ พ่วงมาด้วยแบตเตอรี่ที่อึดทนนานกว่าหูฟังไร้สายเจ้าอื่น ๆ โดยสามารถใช้ติดต่อได้นานสุดถึง 80 ชั่วโมงเมื่อชาร์จจนเต็ม รองรับระบบ Fast Charge เพียง 20 นาทีก็ใช้ได้นานถึง 2 ชั่วโมง
ทางด้านเสียงตัว Audeze Maxwell ขับเสียงออกมาได้ง่ายเป็นธรรมชาติ ให้เสียงที่มีความคมชัดแม้ไม่มีระบบตัดเสียงรอบข้าง และเจ้าหูฟังเกมมิ่งตัวนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกมเพียงอย่างเดียว จะใช้ฟังเพลงหรือดูหนังก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อปทั้งคู่ โดยออกแบบมาสองเวอร์ชั่นสำหรับ PlayStation จะรองรับระบบเสียง Tempest 3D และสำหรับ Xbox จะรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ทำให้การดูหนังที่บ้านได้คุณภาพเสียงกระหึ่มเหมือนกับดูในโรงหนังเลยทีเดียว เหมาะสำหรับใครที่กำลังหาหูฟังเกมมิ่งระดับไฮเอนด์ที่เอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน เล่นเกมบ้างผลัดไปดูหนังฟังเพลงบ้าง โดยยังคงคุณภาพเสียงที่คมชัด ไมค์ที่สื่อสารได้ชัดเจนไม่มีคำตกหล่น ห้ามพลาดเป็นอันขาดเลยครับ
สเปคสินค้า
ไฟ RGB
ไม่มีไฟ
มีสาย/ไร้สาย
ไร้สาย
ซอฟต์แวร์
มี
รูปแบบหูฟัง
หูฟังไร้สาย
ไมโครโฟน
มีไมค์
การเชื่อมต่อหูฟัง (Input)
บลูทูธ, AUX (3.5mm), USB-C, 2.4 GHz wireless
ระบบเสียงจำลอง
7.1
วัสดุหุ้ม Earcup
เมมโมรี่โฟม
แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด
80 ชม
น้ำหนัก
490.00 g