ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card

สำหรับใครที่อยู่ในวงการเครื่องเสียง ลำโพง หรือเกมมิ่งเกียร์มานานก็น่าจะต้องคุ้นหู คุ้นชื่อแบรนด์ Creative กันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหูฟัง ลำโพงประเภทต่างๆ ที่นิยมใช้งานกัน รวมถึง Dac/Amp หรือซาวด์การ์ดแยก ที่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่เกมเมอร์กันมาอย่างอย่างนาน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ระบบและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ รวมถึงการใช้งานที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับกลางๆ ที่อยากอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ยอดเยี่ยมขึ้นกว่า และสำหรับซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card รุ่นนี้เองก็เป็นซาวด์การ์ดตัวท๊อปรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมกับคุณภาพเสียงระดับ Hi-res ที่เหนือชั้นกว่าซาวด์การ์ดรุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมา พร้อมกับฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเดิมสุดๆ

แน่นอนว่า ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card รุ่นนี้ก็ยังเป็นซาวด์การ์ดซีรีส์เดียวกันกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X4 External Sound Card ซึ่งถ้าบอกว่าเป็นซีรีส์เดียวกันก็คงจะไม่เชื่อกันแน่ๆ เพราะหน้าตาของรุ่น X5 นั้นเปลี่ยนไปจากกล่อง DAC อันเท่าฝ่ามือ ให้กลายมาเป็น Desktop Dac ขนาดใหญ่เกือบฟุต แถมหน้าตายังเปลี่ยนไป ปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกย้ายจากข้างบนมาข้างหน้า ทำให้นอกจากขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว Creative Sound Blaster X5 ยังสามารถจัดวางเข้าช่อง ชั้นวางต่างๆ ได้อย่างพอดี โดยที่ไม่มีปัญหาด้านการใช้งานเลย

และในด้านคุณภาพเสียงนั้น ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card จะไม่ได้มาพร้อมกับระบบจำลองเสียง Super X-Fi ของแบรนด์เหมือนซาวด์การ์ดรุ่นก่อนๆ แต่ก็ยังมาพร้อมกับชิปประมวลผล DAC อย่าง Cirrus Logic CS43198 ที่มีถึง 2 ตัว ช่วยในการประมวลผล ถอดรหัสเสียงให้มีความคมชัดเที่ยงตรง และยอดเยี่ยมสุดๆ กับคุณภาพเสียงที่สามารถถอดรหัสได้สูงถึง 32-bit / 384 kHz การันตีคุณภาพการขับเสียงที่ยอดเยี่ยมในระดับ Hi-res เลยทีเดียว

และนอกจากคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมแล้ว ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card ก็ยังมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทั้ง AUX 3.5mm ที่มีทั้งช่องไมค์และหูฟัง,พอร์ต 4.4mm Balanced สำหรับหูฟังระดับ Studio-grade, พอร์ตสำหรับลำโพงอย่าง RCA, Optical และพอร์ตพิเศษที่ไม่มีใครเหมือนอย่างพอร์ต USB-A ที่สามารถใช้เชื่อมต่อกับหูฟัง, ลำโพง, ไมโครโฟน USB ได้ รวมถึงยังรองรับการเชื่อมกับตัวรับสัญญาณ Wireless สำหรับการฟังเพลงแบบไร้สายได้อีกด้วย จัดว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

แถมซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card รุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษต่างๆ ที่ตอบโจทย์ได้กับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งเสียง, การปรับแต่งไมค์ หรือแม้กระทั่งการปรับแต่งเสียงสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ และเมื่อรวมเข้ากับคุณภาพเสียงที่สุดยอด และความสามารถที่ครอบคลุมทุกสไตล์การใช้งานละก็ Creative Sound Blaster X5 รุ่นนี้แหละ คือสุดยอดซาวด์การ์ดตัวท๊อปที่ทุกคนต้องลอง

สุดยอดซาวด์การ์ดแยก สำหรับ Audiophile และ Gamer

วัสดุ/ดีไซน์

หนึ่งในความประหลาดใจแรกของซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card รุ่นนี้ก็คือขนาด ที่เปลี่ยนจากซาวด์การ์ดขนาดฝ่ามือในรุ่น Sound Blaster X4 และ X3 มาเป็นกล่องขนาดใหญ่ ที่ดูจากหน้าตาแล้วก็ดูมีความเป็นเครื่องเสียงตั้งโต๊ะมากขึ้นอยู่พอควร และอีกจุดหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือส่วนของแผงควบคุมต่างๆ ที่ย้ายจากด้านบนมาไว้ที่ด้านหน้าเครื่องแทน ทำให้เราสามารถวาง Creative Sound Blaster X5 ไว้ในช่องหรือชั้นวางของบนโต๊ะได้อย่างพอดี และคงใช้งานได้แบบปกติ และนอกจากตำแหน่งแล้ว ปุ่มควบคุมต่างๆ เองก็มีมากขึ้น ทำให้การควบคุมต่างๆ นั้นง่ายขึ้นพอสมควร และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือจอ LED บอกสถานะที่ถูกเพิ่มมาในรุ่นนี้ ที่สามารถใช้บอกสถาะนะต่างอย่างโหมดเสียง ระดับเสียงต่างๆ ทำให้การใช้งานนั้นง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยรวมแล้ว ดีไซน์ที่เปลี่ยนไปก็ถือว่าเปลี่ยนให้มีความเป็น Professional มากขึ้นพอสมควร

ส่วนวัสดุนั้น ตัวกรอบทั้งหมดจะเป็นพลาสติกสีดำด้าน ตามโทนของ Creative ซึ่งถือว่ามีความแน่นหนา ทนทาน ไม่ก๊องแก๊ง น่าใช้งานอยู่พอสมควร แถมตัว Creative Sound Blaster X5 นั้นก็ถือว่าน้ำหนักค่อนข้างเบาผิดกับขนาด ทำให้เราสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก แม้จะแอบเสียดายที่ตัวหน้าตาของซาวด์การ์ดนั้นจะค่อนข้างเรียบ ไม่ค่อยให้ความ Premium Look สักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าชดเชยไปด้วย Build Quality และความสามารถของซาวด์การ์ดรุ่นนี้

การเชื่อมต่อ

ในส่วนส่วนของการเชื่อมต่อนั้น ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card รุ่นนี้ก็จะมาพร้อมกับการใช้งานที่ง่ายมากๆ โดยตัวเครื่องจะมีพอร์ต USB-C สำหรับจ่ายไฟ ที่เพียงเสียบสายเข้ากับคอมพิวเตอร์หรือเกมคอนโซลที่เราต้องการก็สามารถใช้งานได้ทันที ถือว่าค่อนข้างสะดวกอยู่ไม่น้อยเลย

พอร์ตการเชื่อมต่อเองก็มีพอร์ตต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดแค่การใช้งานแค่กับหูฟัง โดยพอร์ตการเชื่อมต่อนั้นก็มีให้เลือกทั้ง AUX 3.5mm ที่มีทั้งช่องหูฟังและไมโครโฟนให้ต่อ สามารถใช้ร่วมกับหูฟังเกมมิ่งได้อย่างสบายๆ พอร์ต 4.4 Balanced สำหรับหูฟังระดับ Audiophile, พอร์ต RCA และ Optical ที่มีทั้งช่องเข้าและออกสำหรับการใช้งานกับลำโพงและเครื่องเล่น รวมถึงทีเด็ดของการ์ดรุ่นนี้อย่างช่อง USB-A นี้ด้วย และซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 รุ่นี้ก็ยังมี Bluetooth ในตัวสำหรับการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อควบคุมจากระยะไกลโดยเฉพาะ ซึ่ง Bluetooth นี้จะไม่สามารถใช้เชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายได้เลย แต่ถ้าเกิดว่าต้องการใช้งานไร้สาย ก็จะต้องใช้งานกับตัวรับสัญญาณแบบ USB-A แล้วเสียงกับพอร์ต USB-A ดังกล่าวแทน

และถึงแม้ว่าพอร์ต USB-A ของ Creative Sound Blaster X5 นั้นจะออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย แต่การใช้งานจริงนั้น พอร์ต USB-A มักจะมีปัญหาการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บางอย่างอยู่ เพราะตัวพอร์ตเองมีแรงดันไฟฟ้าขาออกที่ 5V 100 mA ทำให้เวลาใช้งานอาจจะต้องตรวจสอบให้ดีก่อน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหรืออุปกรณ์เสริมที่มีไมค์ในตัวอาจจะต้อง Disable ปิดการใช้งานไม่ให้ไปชนกับไมค์ของ Creative Sound Blaster X5 เสียก่อนจึงจะใช้งานได้ และในระหว่างใช้งานก็ควรจะเลือก Mic Input ให้เป็นของ Creative Sound Blaster X5 ก่อนด้วย

ส่วนทางฝั่งของดีเลย์นั้นก็ถือว่าน้อยมากๆ แทบจะไม่รู้สึกเลย อยู่ในความเร็วที่ไม่ต่างจากการฟังจากคอมพิวเตอร์ตรงๆ เลย ซึ่งในจุดนี้เองก็ถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์การใช้เล่นเกม ที่ต้องพึ่งการตอบสนองที่รวดเร็ว หรือการดูหนังที่สามารถเล่นเสียงได้ทันภาพ ไดอะล็อกไม่ขาดตอน ตอบโจทย์ความบันเทิงได้แบบเต็มที่สุดๆ

การควบคุม

ในส่วนของการควบคุมนั้น ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card ก็จะมีปุ่มควบคุมบนหน้าตัวเครื่องที่ให้มาแบบครบครัน ทำให้การใช้งานนั้นถือว่าค่อนข้างง่ายและไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตัวโปรแกรม Creative ในการใช้งานแบบ Basic เลย ซึ่งสำหรับการควบคุมต่างๆ นั้น ก็จะมีปุ่ม Knob ขนาดใหญ่ขวามือสำหรับการปรับ Volume เสียง ที่จับได้ง่าย ถนัดมือ และปุ่ม Knob ขนาดเล็กทรงสูงที่อยู่ฝั่งซ้าย สำหรับการปรับ Volume ของไมค์ ควบคู่กับปุ่ม Mute ไมค์ และปุ่มกดอื่นๆ ก็มีทั้งปุ่ม Bluetooth สำหรับการ Pairing กับอุปกรณ์มือถือ ปุ่ม Display สำหรับการเปิดหน้าจอ LED และเลือกสถานะที่ต้องการดู ปุ่ม High Gain ที่เป็นสวิตซ์สำหรับการปรับกำลังขับระหว่าง Normal สำหรับหูฟังกำลังขับไม่เกิน 150 โอห์ม และ High Gain สำหรับ 150 โอห์มขึ้นไป ปุ่ม HP/SPK สำหรับการสลับ Input ระหว่าง Headphone (3.5, 4.4mm) และ Speaker (RCA, Optical) ปุ่ม DIRECT/DSP สำหรับเปิด/ปิด Direct Mode และปุ่ม EQ สำหรับเปิดปิด และเลือก Preset ที่ต้องการใช้งาน และสุดท้ายคือปุ่มสวิตซ์ PC / Console สำหรับการใช้งานกับ PC, Mac หรือเกมคอลโซลอย่าง PS4 และ PS5 ซึ่งด้วยปุ่มกดที่ครอบคลุมการใช้งานสำคัญๆ และไม่ค่อยซับซ้อบ ทำให้การใช้งานควบคุมต่างๆ นั้น ถือว่าค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว

ฟีเจอร์พิเศษ

ในส่วนของฟีเจอร์พิเศษของซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card นั้นก็จะมีอยู่ด้วยกัน 7 โหมด ได้แก่ Sound Mode, Acoustic Engine, Equalizer, CrystalVoice, Direct Mode, Scout Mode และ Mixer ซึ่งการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวนั้นจะมีให้เปิดใช้งานในแอพฯ Creative ในเวอร์ชัน PC/Mac (ในเวอร์ชัน Mobile จะปรับได้แค่ Equalizer, Direct Mode และ Mixer) โดยฟีเจอร์แต่ละอย่างจะมีหน้าที่ดังนี้

Sound Mode

สำหรับ Sound Mode นั้นจะเป็นการตั้งค่าเสียง Acoustic Engine ตาม Preset ที่กำหมดให้ โดย Preset ที่มีให้เลือกนั้นก็มีทั้ง Preset สำหรับดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเกม และ Preset สำหรับเกมต่างๆ โดยเฉพาะ ทั้ง DOTA 2, Apex Legends, PUBG, Genshin Impact และเกมอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกปรับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการปรับอะไรมากมาย

Acoustic Engine

สำหรับ Acoustic Engine จะเป็นการปรับเอฟเฟกต์เสียงต่างๆ ได้แก่ Surround ที่เป็นการจำลองเสียงรอบทิศทาง, Crystalizer ที่เป็นการปรับความใส เร่งดีเทลของเสียง, Bass ที่เป็นการปรับเสียงเบสตามชื่อ, Smart Volume ที่จะเป็นการปรับจูนความดังของเสียงให้คงที่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเปิดดูหนัง หรือฟังเพลง และภายในเองก็สามารถโหมดย่อยอย่าง Night ที่เน้นเสียงเบา และ Loud สำหรับการเน้นเสียงดัง, Dialog+ ที่จะเป็นการเน้นไปที่เสียงพูดให้ชัดขึ้น

Equalizer

Equalizer จะเป็นการปรับ EQ ของย่านเสียงแต่ย่าน โดย ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 จะมี EQ Preset ให้เลือกอยู่ 3 แบบ ได้แก่ Music, Movie, Gaming ซึ่งหากเราต้องการปรับย่านเสียงเอง ก็จะต้องปรับแก้จาก Preset ทั้ง 3 เอง ไม่สามารถสร้างเพิ่มได้ ซึ่งถ้าเราต้องการตั้ง EQ เองก็ให้เราเลือก Preset ตัวไหนก็ได้จากทั้ง 3 แล้วก็ปรับ EQ ให้ตรงตามต้องการ แล้วกดทีปุ่ม Save แล้วตั้งชื่อ Preset ใหม่ Preset ที่เราปรับเองก็จะมาแทนที่ตัวเดิมที่เราเลือกไปตอนแรก หากต้องการย้อนกลับไปเป็นค่าเริ่มต้นก็ให้กดไปที่ปุ่ม Revert เพื่อคืนค่าเดิม

CrystalVoice

ฟีเจอร์ CrystalVoice จะเป็นฟีเจอร์สำหรับการปรับแต่งเสียงไมโครโฟนที่เราเชื่อมต่อกับ Creative Sound Blaster X5 ซึ่งภายในฟีเจอร์นี้ก็จะสามารถปรับได้ทั้ง Noise Reduction ที่เป็นการตัดเสียงรบกวน, Acoustic Echo Cancellation ที่เป็นการตัดเสียง Echo เสียงก้องไม่ให้เข้าไมค์, Smart Volume ที่เป็นการปรันจูนความดังไมค์ให้คงที่ ฟังชัด ไม่ว่าจะตะโกนหรือกระซิบก็ได้ยินเท่าเดิม, Voice Morph ที่จะเป็นการแปลงเสียงไมค์เป็นเสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงผู้หญิง, เด็ก, หุ่นยนต์ และอื่นๆ ซึ่งเหมาะสำหรับสาย Content Creator ที่อยากสร้างสีสันในการพูดคุย และสุดท้ายคือ Microphone Equalizer หรือก็คือการปรับ EQ เสียงไมค์ที่จะมี Preset ให้เลือกประมาณ 11 แบบ เพื่อปรับให้เสียงไมค์ของเราคมชัด ตรงตามความต้องการ

Direct Mode

สำหรับ Direct Mode จะเป็นโหมดที่ทำให้สัญญาณเสียงปล่อยตรงมามาจากตัว Input ให้ออกมายัง Output ที่เราใช้งาน โดยที่ไม่ผ่านระบบ DSP (Digital Signal Processor) ซึ่งเสียงที่ได้จากในโหมดนี้ก็จะมีความเป็นธรรมชาติ เสียงใส ไม่มีการปรับแต่งเอฟเฟกต์ใดๆ ซึ่งข้อควรระวังของการใช้งาน Direct Mode คือเราจะไม่สามารถใช้งานร่วมกับฟีเจอร์อื่นๆ ที่เหลือ (ยกเว้น CrystalVoice ในส่วนของ Noise Reduction และ Mixer) ได้เลย

Scout Mode

สำหรับ Scout Mode นั้นก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เกมเมอร์สาย FPS เป็นพิเศษเลย โดยเมื่อเปิดฟีเจอร์นี้ Scout Mode ก็จะทำการจับเสียงฝีเท้า เสียงปืน เสียงกระสุน เสียงพูดของตัวละครในเกมให้ได้ยินได้อย่างชัดเจน ทำให้เราสามารถรับรู้ตำแหน่งของคู่แข่งได้ทันทีและแม่นยำขึ้น แต่การใช้งาน Scout Mode นั้นอาจจะต้องระวังเรื่องของโทนเสียง ความดังที่อาจผิดเพี้ยนไปจากเน้นเสียงฝีเท้าระหว่างการใช้งานด้วย

Mixer

สำหรับ Mixer จะเป็นฟีเจอร์ที่เอาไว้ใช้ในการปรับ Volume เสียงต่างๆ ในระบบ ทั้งเสียง Playback ที่ออกหูฟัง ลำโพง เสียง Recording ของไมโครโฟน และเสียง Monitoring สำหรับการฟังเสียงไมค์ และการปรับเสียง Device ในส่วนของ Optical out สำหรับการปล่อยสัญญาณเป็น Stereo Mix หรือ SPDIF Passthrough

รีวิวเสียง

สำหรับเรื่องคุณภาพเสียงของซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card รุ่นนี้ ก็ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจเอามากๆ เนื้อเสียงในแต่ละช่วง แต่ละโทนถือว่ายกระดับขึ้นมาอีกขั้นเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ถูกดึงขึ้นมาให้ชัดขึ้น ทำให้ Creative Sound Blaster X5 ฟังได้สนุก ตอบโจทย์การฟังที่หลากหลาย ได้ทุกแนว โดยรายละเอียดเสียงต่างๆ ที่เราเขียนมา จะเป็นเสียงที่ไม่ผ่านการเปิดฟีเจอร์ใดๆ เพิ่มเติม โดยจะมีรายละเอียดเสียงตามนี้

• เสียงแหลม : สำหรับเสียงแหลมก็ถือว่าทำได้ดีพอ เนื้อเสียงถือว่ามีความใส ไม่แสบหู คมชัดขึ้น เสียงกีตาร์ เสียงกลองเสียงฉาบต่างๆ มีรายละเอียดที่ครบครันและชัดขึ้น มี Melody ที่ชัดเจน เนื้อเสียงทอดไปได้ไกลพอสมควร
• เสียงกลาง : ช่วงกลางถือว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของรายละเอียดดีเทลเล็กๆ น้อยที่ถูกดันขึ้นอย่างชัดเจน เสียงดนตรีใน Background เสียงร้องต่างๆ มีความชัดถ้อยชัดเจน เนื้อเสียงใส เสียงดนตรีมีความไพเราะ ไล่จังหวะ Melody ได้ดี เนื้อเสียงมีน้ำมีนวล ดูอิ่มขึ้น
• เสียงเบส : เนื้อเบสมีความแน่น ลูกใหญ่ขึ้น แรงปะทะแรงขึ้นพอประมาณ ดีเทลค่อนข้างเต็ม รายละเอียดต่างๆ มีความชัดขึ้น ไล่ Melody จังหวะทำนองได้ดี เสียงต่ำลงได้ลึกพอควร ปลายเสียงเองก็เก็บตัวเร็ว ไม่พร่า ช่วยให้ดูหนัง ฟังเพลงได้สนุกขึ้นพอสมควรเลย
• เวทีเสียง : โทนเสียงมีความโปร่งและกว้างขึ้น มิติเสียงดนตรีต่างๆ แยกชิ้นกันอย่างชัดเจน ทิศทางเสียงมีความสมจริง แยกซ้าย - ขวาชัดเจน เนื้อเสียงโดยรวมฟังแล้วไม่อุดอู้ ฟังสบายขึ้นมาก

ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card เหมาะกับใคร

ด้วยคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม และฟีเจอร์การใช้งานที่ถือว่าหลากหลายแล้ว ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card เลยถือว่าเป็นซาวด์การ์ด Dac/Amp ที่ตอบโจทย์การใช้งานสไตล์ All-around สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ที่สามารถปรับแต่งเสียง EQ ต่างๆ ให้เข้ากับความชอบของเรา ควบคู่ไปกับคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมจากระบบชิป DAC คู่ ที่สามารถขับเสียงในระดับ Hi-res คู่ที่เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเข้าวงการ Audiophile และกำลังมองให้ซาวด์การ์ดตัวเริ่มดีๆ อยู่ไม่น้อยเลย แถมทางด้านฝั่งเกมมิ่ง ด้วยดีเทลเสียงที่มีความละเอียด Soundstage ที่มีความกว้าง ทิศทางชัดเจน และฟีเจอร์พิเศษอย่าง Scout Mode ก็ช่วยยกระดับในการเล่นของเราได้ดีอยู่ไม่น้อยเลย แถมพอร์ต Output ต่างๆ ก็มีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ซาวด์การ์ด Creative Sound Blaster X5 External Sound Card จัดว่าเป็นอีกหนึ่งซาวด์การ์ดตัวท๊อปที่คนรัก Gadget ควรมีติดโต๊ะไว้สุดๆ