เรียกว่าเป็นอีกแบรนด์ที่เปิดตัวสินค้าถี่แบบไม่ให้ผู้ใช้งานได้พักกันเลยทีเดียว กับแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Xiaomi ด้วยจุดเด่นในเรื่องของสินค้าที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพในราคาสุดเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ซึ่งในสินค้าแต่ละรุ่นก็มักมาพร้อมฟังก์ชันที่จัดเต็ม รูปทรงสุดล้ำ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก ซึ่งหลังจากที่ทางแบรนด์พึ่งเปิดตัวสินค้า หูฟัง True Wireless ในรุ่น Redmi AirDots 3 ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งาน ล่าสุดทางแบรนด์ก็ไม่รอช้าเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ที่เป็นเหมือนกันอัพเกรดรุ่นที่ผ่านมาให้ยอดเยี่ยมและครบเครื่องมากยิ่งขึ้นกับ Redmi AirDots 3 Pro ที่คราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่หูฟัง True Wireless ธรรมดาแต่ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling อีกด้วย โดยนอกจากฟังก์ชัน ANC แล้วจะมีฟังก์ชันใดที่เพิ่มเข้ามาอีกบ้างนั้นเรามาดูกันเลยครับ

ทางด้านของรูปทรงและหน้าตาของ Redmi AirDots 3 Pro ก็ต้องบอกเลยว่ายังคงมีความมินิมอล เรียบหรูแบบเดียวกับในรุ่น Redmi AirDots 3 ธรรมดา โดยพื้นผิวด้านนอกจะมาในสไตล์สัมผัสด้านที่ให้ความรู้สึกที่หรูหราและทันสมัย ด้านการสวมใส่ยังคงเป็นแบบ In-Ear อยู่เช่นเดิม แต่จุดที่แตกต่างไปก็คือใน Redmi AirDots 3 Pro มาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนด้วยเทคโนโลยีที่ทาง Redmi พัฒนามาเป็นอย่างดี ประมวลเสียงภายนอกและตัดเสียงรบกวนด้วยไมโครโฟนถึงข้างละ 3 ตัวเลยทีเดียว โดยทางแบรนด์เคลมเอาไว้ว่าสามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกลงไปได้มากถึง 35 เดซิเบลเลยทีเดียว ทำให้ Redmi AirDots 3 Pro เป็นหูฟังจากซีรีส์ AirDots ที่น่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มองหาหูฟัง ANC ในราคามิตรภาพได้เป็นอย่างดี

ด้านแนวเสียงก็ต้องบอกเลยว่าตอบโจทย์ผู้ที่มองหา หูฟัง True Wireless สำหรับฟังเพลง ด้วยไดรเวอร์เสียงภายในที่มีขนาดใหญ่ถึงข้างละ 9 มิลลิเมตร โดยเป็นไดรเวอร์แบบพิเศษที่ได้รับการปรับจูนเสียงมาเป็นอย่างดีโดย Xiaomi Sound Lab ที่ทำให่มั่นใจได้เลยว่าจะให้เสียงที่ยอดเยี่ยม สมจริง ส่วนด้านการเชื่อมต่อนั้นในรุ่นนี้จะมาพร้อม Bluetooth 5.2 ที่ให้สัญญาณที่มีความเสถียร เชื่อมต่อได้อย่างคมชัด ให้ระยะการเชื่อมต่อที่ไกล ประหยัดพลังงาน และยังมีความหน่วงดีเลย์ที่ต่ำมากๆ อีกด้วย ใช้ดู YouTube, Netflix ได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวดีเลย์ครับ ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมต่อ Smartphone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ MIUI 2 เครื่องได้พร้อมกันอีกด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยคือส่วนของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 6 ชั่วโมง และรวมชาร์จจากเคสได้เป็น 28 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยตัวเคสมาพร้อม Port ชาร์จ USB-C ที่สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเคสยังรองรับการชาร์จไร้สายอีกด้วยครับ

โดยในตอนนี้สินค้ายังไม่เข้าไทย และเปิดตัวราคาเป็นทางการอยู่ที่ 299 หยวน ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง Mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ