แนะนำ 5 หูฟัง Bone Conduction ใส่สบายไม่ต้องยัดเข้าในหู

ในบรรดาหูฟังที่มีให้เลือกมากมายหลากหลายประเภทในปัจจุบัน ที่ประกอบไปด้วยหลักๆ คือ หูฟัง In Ear สอดหู, หูฟัง Earbud แปะหู, หูฟัง Over Ear ครอบหู, และหูฟัง On Ear แนบหู ยังมีหูฟังอีกประเภทออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ไม่ชื่นชอบในการสวมใส่หูฟังที่ต้องสอดเข้าไปในหูหรือครอบอยู่บริเวณหูแบบประเภททั้งหมดของ หูฟัง ที่กล่าวไปข้างต้น นั่นก็คือหูฟังที่ส่งเสียงผ่านการสั่นสะเทือนของกระดูกหู หรือ หูฟัง Bone Conduction นั่นเองที่ข้อดีคือการสวมใส่ที่เป็นแบบเปิดหู หรือก็คือไม่จำเป็นต้องสอดหูฟังเข้าไปภายในหูให้อึดอัด แต่จะใช้วิธีเป็นการแปะอยู่ที่บริเวณกระดูกโหนกแก้มแทน ซึ่งข้อดีก็คือไม่จำเป็นต้องยัดหูฟังเข้าไปในหูแบบ In Ear และ Earbud หรือไม่ต้องครอบและทับหูแบบ Over Ear หรือ On Ear ที่สำหรับบางคนเมื่อสวมใส่ไปนานๆ ก็อาจะเกิดอาการล้าหรืออึดอัดหูได้ และในครั้งนี้เพื่อเป็นการเอาใจผู้ที่กำลังมองหาหูฟังประเภท bone conductionหรือผู้ที่ไม่ชอบหูฟังที่ต้องยัดเข้าไปในหู ทาง mercular.com ก็ได้รวมรวมเอา 5 หูฟัง Bone Conduction ใส่สบายไม่ต้องยัดเข้าในหู มาแนะนำกันฝนบทความนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีรุ่นใดบ้างและน่าสนใจแค่ไหนนั้น เราไปดูกันเลยครับ

5 หูฟัง Bone Conduction ในบทความนี้

• หูฟัง Shokz OpenRun Pro Sport Headphone
• หูฟัง Shokz OpenComm Bluetooth Headset
• หูฟัง Shokz OpenSwim Sport Headphone
• หูฟัง Shokz OpenRun Sport Headphone
• หูฟัง Shokz OpenMove Sport Headphone

หูฟัง bone conduction รุ่นแรกของบทความนี้กับ หูฟัง Shokz OpenRun Pro Sport Headphone รุ่นท๊อปสุดในบรรดา หูฟัง bone conduction ที่นำมาแนะนำกันในครั้งนี้ โดย Shokz OpenRun Pro ใช้วิธีขับเสียงแบบ Bone Conduction ที่จะเป็นการส่งสัญญาณเสียงผ่านการสั่นสะเทือนของกระดูกหูและในรุ่น Shokz OpenRun Pro ก็ได้รับการพัฒนาการสั่นสะเทือนและการขับเสียงมาเป็นรุ่นที่ 9 หรือ 9th Generation Bone Conduction Technology สามารถสวมใส่ได้สบายและกระชับศีรษะด้วยน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 29 กรัมเท่านั้น ด้านการเชื่อมต่อมาพร้อม Bluetooth เวอร์ชัน 5.1 เชื่อมต่อได้อย่างเสถียรและให้ระยะการเชื่อมต่อที่ไกลถึง 10 เมตร มาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำ กันเหงื่อ และกันฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP55 อีกด้วยรวมถึงด้านการสนทนาโทรศัพท์ก็สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัดด้วยเช่นกันด้วยไมโครโฟนคู่ในตัวพร้อมเทคโนโลยี Noise-Canceling ที่สามารถตัดเสียงแทรกได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ภายในตัว ด้านการควบคุม Shokz OpenRun Pro ก็มาพร้อมปุ่มควบคุมแบบปุ่มกดบนตัว ที่ใช้งานได้สะดวกไม่แพ้ปุ่มแบบสัมผัส

หูฟัง bone conduction รุ่นที่ 2 กับ หูฟัง Shokz OpenComm Bluetooth Headset ที่ไม่เพียงแต่เป็นหูฟังเพื่อสวมใส่ออกกำลังกายและใช้งานฟังเพลงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนที่ยื่นออกมาแบบเดียวกับหูฟัง Call Center อีกด้วย โดย Shokz OpenComm ได้รับการพัฒนาการสั่นสะเทือนและการขับเสียงมาเป็นรุ่นที่ 7 สามารถสวมใส่ได้สบายและกระชับศีรษะด้วยน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 33 กรัมเท่านั้น และยังเป็นหูฟัง Call Center รูปแบบใหม่ที่ยังคงคาแรคเตอร์ความเป็นหูฟังออกกำลังกายเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยมาพร้อมไมโครโฟนบูมและก้านที่ยื่นออกมาพอดีกับช่องปาก ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตัดเสียงแทรก ทำให้เสียงพูดที่ได้นั้นมีความคมชัดสูงมาก ด้านการออกกำลังกายมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ กันเหงื่อ และกันฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP55 สำหรับการเชื่อมต่อของเลือกใช้เป็น Blutooth 5.1 ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 16 ชั่วโมง ควบคุมสะดวกด้วยปุ่มกดใช้งานได้สะดวกไม่แพ้ปุ่มแบบสัมผัส

หูฟัง bone conduction รุ่นที่ 3 กับการเป็นหูฟังสำหรับว่ายน้ำอย่างเต็มรูปแบบในรุ่น หูฟัง Shokz OpenSwim Sport Headphone โดยไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายใดๆ ใช้งานได้แค่ฟังเพลงที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในที่ให้มา 4GB เท่านั้น เพราะการใช้งานภายในน้ำจะไม่สามารถเชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth ได้นั่นเอง โดย Shokz OpenRun ก็ได้รับการพัฒนาระบบการสั่นสะเทือนมาเป็นรุ่นที่ 8 รวมถึงสวมใส่ได้สบายใส่ไว้ใต้หมวกว่ายน้ำได้ไม่มีปัญหาและมาพร้อมน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 30 กรัมเท่านั้น สามารถเก็บไฟล์เพลงที่ต้องการจะฟังเอาไว้เปิดขณะว่ายน้ำได้โดยรองรับสกุลไฟล์คุณภาพสูงอย่างครบครันทั้ง MP3, WMA, FLAC, WAV และ AAC และด้วยความที่ Shokz OpenSwim นั้นเป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การสวมใส่ว่ายน้ำ แน่นอนว่ามาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำ กันเหงื่อ และกันฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP68 สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ภายในตัว

รุ่นที่ 4 ของ หูฟัง bone conduction กับ หูฟัง Shokz OpenRun Sport Headphone ที่เป็นหูฟังไร้สาย สวมใส่แบบ Open Ear หรือ Bone Conduction ซึ่งได้รับการพัฒนาการสั่นสะเทือนและการขับเสียงมาเป็นรุ่นที่ 8 แล้ว โดยตัวหูฟังนั้นสามารถสวมใส่ได้สบายและกระชับศีรษะด้วยน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 26 กรัมเท่านั้น ด้านการเชื่อมต่อมาพร้อม Bluetooth เวอร์ชัน 5.1 กันน้ำ กันเหงื่อ และกันฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP67 สามารถล้างน้ำได้แต่ไม่สามารถใส่ว่ายน้ำได้ ด้านการสนทนาโทรศัพท์ก็สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัดด้วยเช่นกันด้วยไมโครโฟนในตัว ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ชั่วโมง พร้อมปุ่มควบคุมแบบปุ่มกด ที่ใช้งานได้สะดวกไม่แพ้ปุ่มแบบสัมผัส

หูฟัง bone conduction รุ่นสุดท้ายของบทความนี้ที่จะเรียกว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นหรือรุ่นประหยัดก็ได้เช่นกันกับ หูฟัง Shokz OpenMove Sport Headphone ในรุ่นนี้ใช้วิธีขับเสียงแบบ Bone Conduction ที่ได้รับการพัฒนาการสั่นสะเทือนและการขับเสียงมาเป็นรุ่นที่ 7 โดยตัวหูฟังนั้นสามารถสวมใส่ได้สบายและกระชับศีรษะด้วยน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 29 กรัม การเชื่อมต่อเลือกใช้เป็น Bluetooth 5.1 มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ กันเหงื่อ และกันฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP55 สำหรับการสนทนาโทรศัพท์นั้นก็สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัดด้วยไมโครโฟนในตัว ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ชั่วโมง พร้อมปุ่มควบคุมแบบปุ่มกดใช้งานได้สะดวกไม่แพ้ปุ่มกดแบบสัมผัส

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 5 หูฟัง Bone Conduction ใส่สบายไม่ต้องยัดเข้าในหู ที่ทาง mercular.com ได้คัดเลือกมาแนะนำกันในครั้งนี้ โดยแต่ละรุ่นที่เลือกมานั้นรับรองได้เลยว่าสวมใส่สบายหู สั่นสะเทือนขับเสียงได้ครบถ้วน นุ่มนวล ด้วยเทคโนโลยีที่ได้คิดค้นและพัฒนามาเป็นอย่างดี และยังมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ที่ครบถ้วนจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นด้านการเชื่อมต่อ ไมโครโฟนที่รับเสียงได้อย่างคมชัด มาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ การควบคุมที่ง่ายดาย และแบตเตอรี่ที่ใช้งานไร้สายได้ยาวนาน ตอบโจทย์คนที่มองหา หูฟัง Bone Conduction และไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดีอย่างแน่นอนครับ

ซึ่งทาง mercular.com ก็หวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าในบรรดา หูฟัง Bone Conduction ทั้งหมดจะมีรุ่นที่อยู่ในใจของผู้อ่านกันบ้างอย่างน้อยที่สุดก็ 1 รุ่น และหากอ่านแล้วรู้สึกอยากจับจอง หูฟัง Bone Conduction รุ่นไหนหรืออยากเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกดเข้าไปตามลิงค์ที่ให้ไว้ในแต่ละรุ่นได้เลยครับ ท้ายนี้ Mercular.com ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน ครั้งหน้าหากมีสินค้าใหม่ๆ รุ่นใดน่าสนใจอีก ก็จะรีบนำมาแนะนำกันแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้ สวัสดีครับ