หูฟัง True Wireless เปลี่ยนโลก ชื่อนี้คงไม่เกินความจริงไปนักสำหรับ หูฟังไร้สาย Apple AirPods True Wireless กับความสามารถและฟังก์ชันสุดล้ำที่เปลี่ยนวงการ หูฟัง True Wireless ไปอย่างสิ้นเชิง จากวันที่ True Wireless ยังไม่ได้รับความนิยมและความเชื่อมั่นในการใช้งานมากนัก จนถึงวันนี้ที่มีหูฟัง True Wireless วางขายในตลาดมากมายหลายรุ่นจากหลากหลายแบรนด์ ทาง Apple ก็ออกหูฟัง AirPods มาอีกหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นก็มาพร้อมฟังก์ชันและความสามารถที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่ยังคงไม่ทิ้งจุดเด่นของแบรนด์ในเรื่องเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การเชื่อมต่อที่เสถียรและสะดวก รวมถึงการสวมใส่ที่เน้นความสบายเป็นหลัก โดยในปัจจุบัน Apple AirPods มีกี่รุ่นนั้นเรามาดูกันเลยครับ

ในปัจจุบัน หูฟัง Apple AirPods จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ซีรีส์หลักด้วยกัน โดยแต่ละซีรีส์ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปโดยเฉพาะจุดหลักๆ เลยก็คือการสวมใส่ โดยทั้ง 3 ซีรีส์แบ่งออกเป็น

• 1. หูฟัง Apple AirPods (3rd generation)
• 2. หูฟังไร้สาย Apple AirPods Pro
• 3. หูฟังไร้สาย Apple AirPods Max Wireless Headphone

โดยในรุ่น หูฟังไร้สาย Apple AirPods Pro และ หูฟังไร้สาย Apple AirPods Max Wireless Headphone จะมีเพียงซีรีส์ละรุ่นเดียวเท่านั้น เพราะออกมาเป็นรุ่นแรกและแม้จะเป็นรุ่นแรกแต่ด้วยความเป็น Apple ทำให้ฟังก์ชันการใช้งานและสเปคนั้นให้มาแบบจัดเต็มจนอยู่ได้อีกหลายปีโดยที่ยังไม่ต้องมีรุ่นอัพเกรดออกมาในเร็วๆ นี้ ส่วน หูฟัง Apple AirPods รุ่นปกตินั้นด้วยความนิยมที่สูงมากและระยะเวลาที่เปิดตัวออกมานานแล้วจึงทำให้ Apple เปิดตัวรุ่นล่าสุดอย่าง หูฟัง Apple AirPods (3rd generation) ออกมานั่นเอง โดยหูฟัง AirPods ทั้ง 3 ซีรีส์มีรายละเอียดดังนี้

หูฟัง Apple AirPods (3rd generation)

หูฟังไร้สาย True Wireless สวมใส่แบบ Earbud จากแบรนด์ Apple ที่คนทั้งโลกรอคอยอย่าง หูฟัง Apple AirPods (3rd generation) ที่หลังจากปล่อยรุ่น 2nd generation ครองตำแหน่งหูฟังยอดนิยมมานานหลายปี จนหลายๆ แบรนด์ต่างได้แรงบันดาลใจไปผลิตสินค้าของตัวเองออกมาหลายรุ่น ครั้งนี้ก็ถึงคราวของ Apple เสียที กับการเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมดทั้งภายนอกและภายใน โดยยังคงคาแรคเตอร์เด่นอย่างการเป็นหูฟัง Earbud ที่ใส่สบายเป็นอันดับต้นๆ เอาไว้อยู่เช่นเดิม มาพร้อมจุดเด่นมากมายได้แก่การเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์ Apple เพียงสัมผัสเดียวผ่าน Pop-Up รวมถึงเมื่อเชื่อมต่อแล้วสามารถสลับไปใช้งานและควบคุมได้จากทุกอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ ID เดียวกันได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ Chipset อัจฉริยะอย่าง Apple H1 ภายในตัว

นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานรับชมภาพยนตร์และเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหลไม่ดีเลย์รวมถึงใช้งานแยกข้างได้อย่างอิสระอีกด้วย สำหรับการสนทนาโทรศัพท์แน่นอนว่า Apple AirPods (3rd generation) ยังคงมาพร้อมไมโครโฟนที่รับเสียงได้คมชัดในระดับผู้นำของวงการอยู่เช่นเคย รวมถึงการควบคุมที่ไม่ซ้ำใครด้วยการบีบที่ก้านแบบเดียวกับใน AirPods Pro หรือจะเรียกสั่งการด้วยเสียงผ่านคำสั่ง “หวัดดี Siri” ก็ทำได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกดเรียกให้วุ่นวาย และนอกจากนี้ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนังหรือเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่จะเล่นและหยุดตามการสวมใส่ และจากที่ในรุ่นที่แล้วอย่าง Apple AirPods 2 แจ้งแค่ว่ากันเหงื่อซึ่งสร้างความกังวลใจให้ผู้ใช้งานพอสมควร กลับมาในรุ่น Apple AirPods (3rd generation) ก็มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX4 เป็นที่เรียบร้อย กันละอองน้ำ ฝน และเหงื่อได้ ใส่ออกกำลังกายได้ไม่มีปัญหา อีกเรื่องที่อัพเกรดก็คือแบตเตอรี่ที่ในรุ่นนี้ก็ใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้รสมเป็น 30 ชั่วโมง รวมถึงตัวเคสเองก็มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ IPX4 ด้วยเช่นกัน และยังรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe อีกด้วย

หูฟังไร้สาย Apple AirPods Pro

หูฟัง True Wireless ตัดเสียงรบกวนในตำนานจากทาง Apple อย่าง หูฟังไร้สาย Apple AirPods Pro ที่แม้จะยังไม่มีวี่แววของรุ่นใหม่เสียที แต่รุ่นเดิมก็ยังคงทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้รุ่นใหม่ๆ ที่สำคัญ AirPods Pro ยังพ่วงด้วยตำแหน่ง หูฟัง True Wireless ใช้ดีที่สุดสำหรับ Apple จาก Mercular.com อีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ทำให้ Apple AirPods Pro นั้นเหนือกว่าหูฟังจากแบรนด์เดียวกับ Smartphone รุ่นอื่นๆ นั้นหลักๆ คือ ชิพ Apple H1 ที่ทำให้ใช้งานกับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการเชื่อมต่อที่ง่ายดายเพียงแตะเดียวผ่าน Pop-Up สลับไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple ได้ง่ายดายเพียงกดเล่นเพลงหรือใช้งานหูฟังจากอุปกรณ์นั้น และยังสามารถเรียกใช้งาน Siri ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกดปุ่มเรียกให้วุ่นวาย นอกจากชิพ H1 ที่เป็นจุดเด่นแล้ว ตัวหูฟังยังมาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่สมกับความเป็น Apple จนหูฟังรุ่นอื่นหลายๆ รุ่นนำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจ การสวมใส่ที่จะเรียกว่าเป็นรุ่นแรกๆ ของวงการที่ออกแบบท่อระบายอากาศภายในให้สามารถถ่ายเทแรงดันได้ ผลคือเป็นหูฟัง In-Ear ที่ใส่สบายหูที่สุด ใส่แล้วไม่อึดอัดหรือรู้สึกว่าถูกอุดหูแบบหูฟัง In-Ear ทั่วๆ ไป อีกทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนที่ทำได้ยอดเยี่ยมในอันดับต้นๆ ของวงการ เหนือหูฟังเรือธงหลายๆ รุ่นอย่างแน่นอนครับ

หูฟังไร้สาย Apple AirPods Max Wireless Headphone

แม้จะมีราคาที่สูงพอประมาณ แต่เมื่อเทียบกับสเปคและความสามารถที่ Apple AirPods Max พกพามาด้วยก็ต้องบอกเลยว่าราคานั้นไม่สูงเกินไปอย่างแน่นอน แถมพ่วงด้วยตำแหน่ง หูฟังครอบหู ใช้ดูหนังดีที่สุด ไปอย่างสบายๆ ด้วยจุดเด่นที่เหนือกว่าหูฟังหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้อย่างการรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos ร่วมกับเทคโนโลยี Spatial Audio ที่เสียงจะหมุนไปตามการหันของศีรษะ ซึ่งทำให้ประสบการณ์การดูหนังผ่าน Smartphone ที่บ้านนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากระบบเสียง Stereo ธรรมดาก็กลายเป็นเสียงรอบทิศทางแบบเดียวกับประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์ พ่วงด้วยฟังก์ชันอื่นๆ อีกอย่างจัดเต็มทั้งการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Apple อย่างลื่นไหลไม่สะดุด แนวเสียงที่ฟังสนุกทุกแนวด้วย EQ แบบปรับอัตโนมัติให้เข้ากับแนวเสียงที่กำลังฟังอยู่มากที่สุด และฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนที่ทำได้ยอดเยี่ยมในระดับที่หากรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงไปด้วย ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงจากรอบข้างเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ทำให้พูดได้เลยว่าตำแหน่ง หูฟังครอบหู ใช้ดูหนังดีที่สุด ไม่มีรุ่นไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว

จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่า หูฟัง AirPods ทั้ง 3 รุ่นนั้นมีจุดเด่นและแนวทางตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต่างกันแบบชัดเจน โดยที่ด้านฟังก์ชันการใช้งานภายในนั้นจะไม่ต่างกันมากนัก โดย AirPods (3rd Gen) จะตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการหูฟังขนาดเล็ก ใส่สบาย ไม่ต้องยัดเข้าไปในหู พกพาสะดวก ใช้ฟังเพลง ดูหนัง ใส่ออกกำลังกายได้ รวมถึงรองรับเสียงรอบทิศทางแบบติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะและ Dolby Atmos ส่วน AirPods Pro จะคล้ายๆ กับ AirPods (3rd Gen) ต่างตรงที่สวมใส่แบบ In-Ear ที่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือว่าถูกอุดหูแบบ In-Ear ยี่ห้ออื่น รวมถึงมาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนหลายๆ แบรนด์นำไปทำตาม และสุดท้ายคือ AirPods Max ที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบจริงจังมากกว่าด้วยการสวมใส่แบบ Over-Ear Full Size รวมถึงฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนในระดับจัดเต็มด้วยไมโครโฟนถึง 9 ตัว มาพร้อมฟังก์ชันครบครันแบบเดียวกับอีก 2 รุ่นทั้งการเชื่อมต่อที่ทันสมัย รองรับเสียงรอบทิศทางแบบติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะ แต่จะใส่ออกกำลังกายไม่ได้เพราะไม่มีมาตรฐานกันน้ำ รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อครั้งได้ยาวนานกว่านั่นเองครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ หูฟัง Apple Airpods มีกี่รุ่น? แต่ละรุ่นแตกต่างกันยังไง? ที่ทาง Mercular.com ได้คัดเลือกมาแนะนำกันในครั้งนี้ ซึ่งทาง Mercular.com ก็หวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าบทความนี้จะช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อ AirPods ที่เหมาะกับความต้องการให้ได้มากที่สุดครับ และหากอ่านแล้วรู้สึกอยากจับจองหูฟังรุ่นไหนหรืออยากเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกดเข้าไปตามลิงค์ที่ให้ไว้ในแต่ละรุ่นได้เลยครับ ท้ายนี้ Mercular.com ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน ครั้งหน้าหากมีสินค้าใหม่ๆ รุ่นใดน่าสนใจอีก ก็จะรีบนำมาแนะนำกันแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้ สวัสดีครับ