วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง

1 พ.ย. 2566

วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง

ในการเล่นเครื่องเสียงให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดนั้น ลำพังเพียงแค่เครื่องเสียงอย่างเดียวก็อาจจะคงยังไม่พอหรือไม่สามารถขับเสียงให้ได้ประสิทธิภาพที่สูงที่สุดได้ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมเครื่องเสียงเพื่อช่วยในการขับเสียงอีกหลายประเภทด้วยกัน เช่น สายสัญญาณ, DAC และ Amp เป็นต้น นอกจากอุปกรณ์เสริมเครื่องเสียงที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นอีก 1 อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไปไม่ได้และมีผลต่อการส่งสัญญาณเครื่องเสียงให้ได้ประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งผู้ใช้งานหลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามไปนั่นก็คือ ปลั๊กไฟ นั่นเอง เพราะปลั๊กไฟธรรมดาอาจจะไม่ได้มีเทคโนโลนยีป้องกันเกี่ยวกับสัญญาณที่อาจจะไปรบกวนการส่งสัญญาณของเครื่องเสียงได้ ดังนั้นถ้าต้องการให้เครื่องเสียงสามารถขับเสียงได้อย่างสมบูรณ์ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียงให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด โดยมีวิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียงดังนี้

วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง

1. สายของปลั๊กไฟควรมีขนาดใหญ่


ใครว่าขนาดไม่สำคัญก็อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไปสำหรับบรรดาผู้เล่นเครื่องเสียง เพราะหากจะเลือกปลั๊กไฟที่เหมาะสำหรับการใช้งานกับเครื่องเสียงก็ควรจะมองหาหรือเลือกจากขนาดสายไฟที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นหลัก เพราะยิ่งตัวสายไฟของปลั๊กไฟนั้นยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งทำให้สามารถรองรับกระแสไฟได้ดีกว่านั่นเอง และนอกจากนี้ก็ควรจะเลือกปลั๊กไฟที่มีสายไฟผ่านตรงตามมาตรฐานของมอก. 11-2553 หรือมาตรฐานอื่นที่สอดคล้องกับ มอก. 955 รวมถึงมีฉนวนหุ้มทั้งสองชั้นเพื่อความแข็งแรงของสายไฟ และควรเลือกใช้เป็นสายเบอร์ 18 (AWG) ที่สามารถรองรับการโหลดกระแสไฟได้สูง หากต้องใช้จ่ายไฟให้กับทั้งเครื่องเสียง เครื่องเล่นเพลง และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ ในเวลาเดียวกัน


ขนาดสายไฟที่ปลอดภัย


  • สายขนาด 0.5 SQMM. จะใช้ได้กับเครื่องเสียงและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ใช้ไฟรวมไม่เกิน 1,200 วัตต์ (โดยประมาณ)
  • สายขนาด 1.0 SQMM. จะใช้ได้กับเครื่องเสียงและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ใช้ไฟรวมไม่เกิน 2,200 วัตต์ (โดยประมาณ)
วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง

2. เลือก เต้าเสียบ/เต้ารับ ให้ตรงตามมาตรฐานมอก.


นอกจากส่วนของขนาดสายแล้ว ข้อต่อไปที่ควรคำนึงในการเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียงก็คือส่วนของเต้าเสียบ โดยควรเลือกเต้าเสียบให้มีช่องเสียบหัวปลั๊กเป็นแบบขากลมแทนขาแบบแบน เพราะไม่เพียงแต่เต้าเสียบแบบขากลมนั้นจะตรงตามมาตรฐานมอก. 166-2549 ที่จะทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยด้วยฉนวนหุ้มที่โคนขาปลั๊กทั้งสองขาเพื่อป้องกันไม่ให้นิ้วสัมผัสขาปลั๊กที่มีไฟเท่านั้น แต่ในบรรดาเครื่องเล่นเพลงและอุปกรณ์เสริมส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นล้วนใช้ขาปลั๊กแบบกลมที่มีความปลอดภัยกว่าตามมาตรฐานของประเทศนั้น ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานกับเครื่องเสียงหลาย ๆ รุ่นและไม่จำเป็นต้องซื้ออะแดปเตอร์แปลงขาปลั๊กเพิ่มให้วุ่นวาย


3. วัสดุที่ใช้ทำรางปลั๊กควรมีคุณภาพ


ส่วนต่อไปที่ควรคำนึงถึงเป็นพิเศษในการเลือกซื้อ ปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง นั่นก็คือส่วนของวัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวรางปลั๊กพ่วง เพราะในการใช้งานเครื่องเสียงนั้นจะมีการส่งสัญญาณไฟฟ้าอยู่ตลอด และในบางครั้งกระแสไฟฟ้าที่ส่งอยู่ภายในก็มีกระแสแรงสูงส่งผลให้รางปลั๊กเกิดความร้อนสูงตามไปด้วย รางปลั๊กพ่วงจึงควรทำจากวัสดุคุณภาพสูงมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ เช่น พลาสติก ABS, AVC หรือ PC ที่มีคุณสมบัติพิเศษคือทนความร้อนและแรงกระแทกได้ดีกว่าพลาสติก PVC ที่ใช้ในรางปลั๊กธรรมดาทั่ว ๆ ไป ข้อดีคือช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเพลิงไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ใช้เกิดความร้อนสูงจากการใช้กระแสไฟฟ้าสูงหลายอุปกรณ์พร้อมกัน

วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง

4. ระบบไฟฟ้าควรมีพิกัดไฟสูงสุดที่สูง


วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟข้อต่อไปที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ นั่นก็คือ ส่วนของระบบไฟฟ้า เพราะถือได้ว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อการใช้งานร่วมกับเครื่องเสียงและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ว่าได้ โดยผู้ใช้งานควรเลือกปลั๊กพ่วงที่มีพิกัดไฟสูงสุด เช่น 220V 2500W 10A ซึ่งตัวเลขเหล่านี้หมายความว่า แรงดันไฟฟ้าของประเทศไทยกำหนดให้ใช้งานระหว่าง 220 – 250 โวล์ต ใช้กำลังไฟสูงสุดไม่เกิน 2500 วัตต์ และทนกระแสไฟได้สูงสุด 10 แอมแปร์ นั่นเองยิ่งเป้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแผงวงจรมากก็ยิ่งมีการใช้กระแสไฟฟ้าที่สูงมากขึ้นตามไปด้วยและที่ที่สำคัญต้องมีระบบฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่จะตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อใช้กระแสไฟฟ้าเกินเพื่อความปลอดภัยจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้


5. เต้ารับไฟฟ้าต้องต่อสายดินจริง


และข้อสุดท้ายที่ต้องคำนึงถึงในบทความ วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง นี้ก็คือส่วนของเต้ารับปลั๊กไฟทุกเต้าจะต้องมีการต่อสายดินจริง เพราะสายดินนั้นเรียกได้ว่ามีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในการใช้งานกับเครื่องเสียงที่มีหลายอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าในเวลาเดียวกัน เพราะในกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้ารั่ว หรือกระแสไฟฟ้าที่เกิดปัญหาหรือเกินมานั้นก็จะไหลผ่านเข้าไปที่สายดินแทน ส่งผลให้ผู้ใช้งานปลอดภัยและไม่ได้รับอันตรายจากการเกิดไฟรั่วที่อาจจะไหลเข้าสู่ร่างกายได้นั่นเอง ซึ่งในการเลือกปลั๊กไฟนั้นแม้หลาย ๆ รุ่นจะมาพร้อมรูหรือช่องสายดินแต่หากได้ชำแหละหรือแกะสำรวจวงจรภายในก็จะพบว่าบางยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น แม้จะมีรูสำหรับสายดินแต่หากแกะดูภายในจริง ๆ ก็จะพบว่าไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงรูเปล่าที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้บริโภคเท่านั้น


และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียง ที่ mercular.com ได้รวบรวมมาแนะนำเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านได้นำไปเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเสียงกันในครั้งนี้ ในครั้งหน้าหากมีข้อมูลใด ๆ น่าสนใจและมีประโยชน์อีกทางทีมงานก็จะรีบรวบรวมมานำเสนอกันอีกอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2