หลังจากที่แบรนด์ Jabra ประสบความสำเร็จจนได้รับความนิยมและกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งาน ในการลงมาจับสินค้าราคาระดับเริ่มต้นอย่างในรุ่น หูฟัง Jabra Elite 3 True Wireless และ หูฟัง Jabra Elite 2 True Wireless ที่แม้จะมาพร้อมราคาเบาๆ เข้าถึงได้ง่าย แต่ฟังก์ชันการใช้งานกลับจัดเต็มไม่เบาตามราคา เรียกได้ว่าขนกันมาทุกเทคโนโลยีเด่นของ Jabra กันเลยทีเดียว และล่าสุดกับการสานต่อความสำเร็จกับ หูฟัง True Wireless รุ่นที่เพิ่มราคาขึ้นมาอีกหน่อยแต่ในขณะเดียวกันก็อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชันแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ทั้งสายดูหนังฟังเพลงเล่นเกม สายเน้นคุยโทรศัพท์ สายออกกำลังกาย รวมถึงสายที่ต้องการสมาธิหรือความเงียบ กับหูฟังไร้สาย True Wireless สำหรับใส่ออกกำลังกายพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน

หูฟังไร้สาย Jabra Elite 4 Active True Wireless

ที่พูดได้ว่าเป็นรุ่นที่อัพเกรดมาจากในรุ่น Jabra Elite 2 และ Jabra Elite 3 กับฟังก์ชันการใช้งานที่อัพเกรดขึ้นมาให้ใช้งานได้ครบครันมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะส่วนของฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนที่พัฒนามาเป็นอย่างดี ด้วยเทคโนโลยีจากทาง Jabra ที่พูดได้เลยว่าทำได้ยอดเยี่ยม ตัดเสียงได้เงียบสนิทไม่แพ้หูฟัง True Wireless รุ่นเรือธงที่ราคาแพงกว่าเท่าตัวอย่างแน่นอน รวมถึงยังอัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีตอบโจทย์การใช้งานด้านอื่นๆ อีกมากมายทั้ง การเชื่อมต่อที่เสถียร ไมโครโฟนที่ใช้โทรศัพท์ได้ชัดเป็นเบอร์ต้นๆ มาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อระดับสูงที่ไม่ต้องกลัวทั้งเหงื่อ น้ำสาด ฝน ไปจนถึงฝุ่น แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน รวมถึงฟังก์ชันชาร์จเร็วก็ใส่มาให้อย่างครบถ้วน และที่สำคัญคือแนวเสียงที่เน้นเบสเด่น ในขณะที่ย่านอื่นๆ กลมกล่อม ฟังสนุกทุกแนวตามสไตล์หูฟัง Jabra ซึ่ง หูฟังไร้สาย Jabra Elite 4 Active True Wireless จะทำอะไรได้บ้างและยอดเยี่ยมน่าจับจองเป็นเจ้าของมากแค่ไหนนั้น เรามาดูกันเลยครับ

จากตารางจะเห็นได้ว่า หูฟังไร้สาย True Wireless Jabra Elite 4 Active นั้นเหนือกว่าในรุ่น Jabra Elite 3 และ 2 แทบจะทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนที่เพิ่มเข้ามา การเชื่อมต่อที่ปรับปรุงให้มีความเสถียรมากขึ้น โดยที่ยังใช้ Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุดและรองรับ Codec เสียงคุณภาพสูง aptX อยู่เช่นเดิม ในขณะเดียวเพิ่มเสริมความเป็น หูฟังออกกำลังกายไร้สาย True Wireless มากขึ้น ในรุ่นนี้จึงมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่มากขึ้นในระดับ IP57 นั่นเอง ทำให้มั่นใจได้ว่าสวมใส่ไปออกกำลังกายได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวทั้งน้ำสาด เหงื่อ ฝน รวมถึงไม่กลัวฝุ่นด้วย ที่สำคัญด้วยมาตรฐานการกันน้ำระดับนี้ยังทำให้สามารถนำหูฟังไปล้างน้ำได้อีกด้วย

หูฟัง Jabra Elite 4 Active มีฟังก์ชันเด่นอะไรบ้าง?

• รูปทรงหรูหรา ใส่สบาย แบบ Danish Design
• เชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.2
• ใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ
• รับชมภาพนตร์บน App ดังได้ลื่นไหลไม่ดีเลย์
• รองรับเสียงไร้สายคุณภาพสูงผ่าน Codec aptX
• ตัดเสียงรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยมและ เงียบสนิท
• ไมโครโฟนมากถึง 4 ตัวตัดเสียงแทรกได้ดี
• สนทนาโทรศัพท์ได้คมชัดตัดเสียงแทรกได้ทุกสถานการณ์
• มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP57
• ควบคุมสะดวกด้วยปุ่มแบบกดลงไป (Physical)
• แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 7 ชั่วโมง
• เคสชาร์จเพิ่มได้รวมเป็น 28 ชั่วโมง
• ชาร์จเร็วเพียง 10 นาทีใช้งานได้นาน 1 ชั่วโมง
• ตั้งค่าเพิ่มเติมเมื่อใช้ร่วมกับ App Jabra Sound+

จากฟังก์ชันเด่นที่สรุปมาเป็น Key-Highlight ก็จะเห็นได้ว่า หูฟังไร้สาย Jabra Elite 4 Active True Wireless ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะแม้ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อย แต่ฟังก์ชันและสเปคกลับจัดเต็มจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะหาได้จาก หูฟัง True Wireless Jabra ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบและการสวมใส่ที่พัฒนามาเป็นอย่างดีแบบ Danish Design ส่วมใส่สบาย กระชับหู ในขณะเดียวกันก็มีความหรูหราสวยงามมากๆ อีกด้วย ด้านการเชื่อมต่อยังคงเลือกใช้เป็น Bluetooth 5.2 ที่ให้สัญญาณที่มีความเสถียร เชื่อมต่อได้ไกลถึง 10 เมตร ใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ และใช้งานรับชมภาพยนตร์ผ่าน App ดังต่างๆ รวมถึงใช้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหลไม่ดีเลย์

นอกจากฟังก์ชันข้างต้นแล้วจุดเด่นของรุ่นอย่างการตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ทำให้ผิดหวังด้วยไมโครโฟนที่ให้มาถึง 4 ตัวที่นอกจากจะตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิทแล้ว โหมด Hearthrough หรือโหมดรับเสียงจากภายนอกยังสามารถรับเสียงได้อย่างคมชัดด้วยเช่นเดียวกัน ให้เสียงที่คมชัดใกล้เคียงกับขณะไม่สวมใส่หูฟังมากๆ รวมถึงตัวไมค์เองยังใช้รับเสียงในการสนทนาโทรศัพท์อีกด้วย สนทนาได้อย่างคมชัดในทุกการติดต่อและทุกสถานการณ์ รวมตัดเสียงแทรกที่เข้ามารบกวนได้เป็นอย่างดี ตัวหูฟังยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อและกันฝุ่นที่ระดับ IP57 อีกด้วย สาย Sport หรือผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาสบายใจได้เลย นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 7 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 28 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชันชาร์จเร็วเพียง 10 นาทีสามารถใช้งานได้นานถึง 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวหูหังยังมาพร้อมปุ่มแบบกดที่มีข้อดีคือไม่เกิดการควบคุมผิดพลาดหากนิ้วไปโดนปุ่มโดยไม่ตั้งใจแบบปุ่มสัมผัส และสามารถตั้งค่าได้เพิ่มเติมรวมถึงปรับ EQ ได้ผ่าน App Jabra Sound+ อีกด้วย

โดยในตอนนี้สินค้ายังไม่เข้าไทย และมีราคาเปิดตัวกำลังดีอยู่ที่ 3,990 บาท ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง Mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ