ปัญหาเล็ก ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการรำคาญอันยิ่งใหญ่ กับ สายของคีย์บอร์ด ที่ทำให้ความสนุกของการเล่นเกมลดลง เพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทั้งหลายเคยเป็นกันบ้างไหม กับอาการรำคาญสายคีย์บอร์ดที่บางครั้งก็เกะกะ พันกันอย่างยุ่งเหยิง บางคีย์บอร์ดก็สายยาวจนเกินไป ทำให้จากอารมณ์เล่นเกมที่ควรจะดี มีความสุข กับสะดุดด้วยปัญหาแบบนี้ วิธีขจัดปัญหาเหล่านี้ก็คือหา คีย์บอร์ดไร้สาย มาใช้งาน แต่คีย์บอร์ดเกมมิ่งไร้สายตัวไหนกัน ที่จะตอบสะท้อนความเป็นตัวเองและเข้ามือมากที่สุด Mercular จึงรวบรวมเหล่าคีย์บอร์ดเกมมิ่งไร้สายที่คุณภาพคุบแก้วมาให้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ มาดูกันว่า 12 คีย์บอร์ดเกมมิ่ง เชื่อมต่อไร้สาย ปี 2023 มีตัวอะไรบ้างครับ

• คีย์บอร์ด Keychron K10 Hot Swappable Wireless Mechanical Keyboard EN/TH
• คีย์บอร์ด Keychron K8 Hot-swappable Wireless Mechanical Keyboard (EN/TH)
• คีย์บอร์ด Royal Kludge RK68 White Wireless Gaming Keyboard
• คีย์บอร์ด EGA Saru KX-75 Wireless Mechanical Keyboard (EN)
• Royal Kludge RK100 MilkshakeWireless Mechanical Keyboard
• Royal Kludge RK61 White Wireless Gaming Keyboard
• Keychron K2 V.2 Wireless Hotswap Mechanical Keyboard
• Keychron K4 V.2 Wireless Hotswap Mechanical Keyboard
• Keychron K6 Wireless Mechanical Keyboard
• Logitech G913 TKL LIGHTSPEED Wireless Keyboard
• Keychron K10 Hot Swappable Wireless Mechanical Keyboard EN/TH
• IQUNIX L80 Formula Typing Wireless Mechanical Keyboard (EN)
• Anne Pro 2 RGB Gaming Wireless Keyboard
• Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed US Layout Wireless Keyboard (EN)
• Royal Kludge RK84 White Wireless Mechanical Keyboard
• Leopold FC660MBT Grey/Blue PD Wireless Mechanical Keyboard (EN)

ใครที่สนใจและอยากลองเล่น Custom Keyboard โดยที่เป็นคีย์บอร์ดที่พร้อมจะมอบการเชื่อมต่อแบบไร้สายให้แก่คุณนั้น เราขอแนะนำ คีย์บอร์ด Keychron K10 Hot Swappable Wireless Mechanical Keyboard EN/TH คีย์บอร์ดจากแบรนด์ที่เป็นเจ้านิยมของเหล่าคนแต่งคีย์บอร์ด โดยเจ้าตัวคีย์บอร์ดนี้นั้นมาพร้อมกับขนาด Full size ที่มอบปุ่มกดให้คุณอย่างครบ ๆ ทั้ง 104 ปุ่ม และยังมีฟังก์ชัน Hot-swappable ที่ทำให้สามารถปรับแต่งสวิตช์ได้เลยโดยไม่ต้องบัดกรี สามารถใช้งานร่วมกับก้านสวิตช์ MX style Mechanical Switch ไม่ว่าจะเป็น Linear, Clicky หรือ Tactile แบบ 3 pin และ 5 pin ตามท้องตลาดได้รวมถึง Gateron, Cherry, Kailh และอื่น ๆ และ SMD-LED switch เรียกได้ว่าตกแต่งได้อย่างสนุกสนานและมันมือมาก ๆ ครับ

ในส่วนเรื่องของการใช้งานนั้นเจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้ก็มาพร้อมกับการใช้งานได้อย่างยาวนาน ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มากับคีย์บอร์ด พร้อมด้วยความจุ 4000mAh จึงสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 240 ชั่วโมงแบบปิดไฟ Backlight และ 76 ชั่วโมงแบบเปิดไฟ ให้การเชื่อมต่อผ่านบลูทูธได้พร้อมกันสูงสุด 3 อุปกรณ์ มาพร้อมกับเลย์เอาท์ติมัลติมีเดียคีย์ของ Mac คุณจึงสามารถสลับการใช้งานระหว่างระบบ Windows และ Mac ได้อย่างอิสระ เพิ่มความสนุกในการใช้งานได้อย่างมากมาย จะใช้เล่นเกมที่ระบบ Windows และสลับมาใช้ทำงานที่ระบบ Mac ก็ทำได้อย่างรวดเร็วครับ

สำหรับชาว Custom ตัวจริงนั้นการปรับแต่งคีย์บอร์ดเพื่อค้นหาประสิทธิภาพการตอบสนองที่เหมาะสมกับมือของคุณที่สุดถือเป็นสิ่งที่สำคัญเลยก็ว่าได้ ดังนั้น คีย์บอร์ด Keychron K8 Hot-swappable Wireless Mechanical Keyboard (EN/TH) จึงมาพร้อมกับฟังก์ชัน Hot-swappable จะช่วยให้การถอดเปลี่ยนสวิตซ์ สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ดึงออกแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ก็เรียบร้อยโดยที่ไม่ต้องบัดกรีใด ๆ ทั้งสิ้น มาพร้อมกับการเชื่อมต่อไร้สายพร้อมกันสูงสุด 3 อุปกรณ์ผ่าน Bluetooth ทำให้สามารถเชื่อมต่อโน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนทีเดียวพร้อมกัน พร้อมด้วยความสามารถในการสลับการทำงานได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด

และสำหรับในเรื่องของขนาดนั้น เจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้ก็มาพร้อมกับ Layout TKL หรือ Tenkeyless ที่ให้จำนวนปุ่มมา 87 ปุ่ม เรียกได้ว่าเป็นคีย์บอร์ดที่ช่วยประหยัดพื้นที่บนโต๊ะได้เป็นอย่างดี จะสะบัดเมาส์ก็ทำได้มากขึ้น หรือจะจัดพื้นที่บนโต๊ะก็สามารถทำได้ง่ายดาย ครบครันไปด้วยปุ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานได้อย่างมากมาย พร้อมด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุมากถึง 4000 mAh สามารถใช้งานแบบไร้สายได้ยาวนานถึง 240 ชั่วโมง หรือราว 4 สัปดาห์ในกรณีที่ไม่เปิดไฟ backlight และใช้งานได้สูงสุด 72 ชั่วโมงเมื่อเปิดไฟ RGB เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกการใช้งานได้อย่างยาวนาน

สำหรับตัว คีย์บอร์ด Royal Kludge RK68 White Wireless Gaming Keyboard เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งไร้สายราคาเป็นมิตร ที่มาพร้อมกับดีไซน์มินิมอล พร้อมด้วยการครอบคลุมการใช้งานได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะใช้ทำงานหรือเล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างดี เป็นคีย์บอร์ดขนาด 65% ที่สามารถจัดวางได้อย่างเป็นระเบียบ ประหยัดเนื้อที่บนโต๊ะให้สามารถสะบัดเมาส์ได้อย่างอิสระ มาพร้อมกับคีย์แคป ABS Double Shot คุณภาพสูงที่จะคงเนื้อตัวอักษรให้ติดทนและสวยงามแม้ว่าจะกดกี่ครั้งก็ตาม 

ทางด้านตัวสวิตซ์นั้นมีการติดตั้งสวิตซ์ RK ซึ่งเป็นสวิตซ์เฉพาะของแบรนด์นี้ ที่สามารถเลือกได้ทั้ง Blue, Red, Brown มาพร้อมกับการรองรับ Hot-Swappable ที่ทำให้สามารถถอดเปลี่ยนสวิตซ์ได้ทันทีไม่ต้องบัดกรี และตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ RGB ที่พร้อมจะมอบสีสันอันสวยงาม สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการทั้ง Windows / Mac / iOS / Android ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุม

คีย์บอร์ด EGA Saru KX-75 Wireless Mechanical Keyboard (EN) คือคีย์บอร์ดเกมมิ่งจากแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่ชาวไทยรู้จักกันดี ที่พึ่งออกมาใหม่เพื่อเอาใจเหล่าเกมเมอร์ให้ได้มีคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่สามารถฟูลคัสตอมได้ทุกส่วน เรียกได้ว่าสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระและครอบคลุมถึงตัวคีย์บอร์ดได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับขนาด 75% ที่ทำการตัดส่วนตัวเลขหรือนัมแพดออก จากนั้นเรียงคีย์ใหม่ให้ชิดติดกันทำให้มีขนาดเล็กลงเพื่อพื้นที่สะบัดเมาส์ที่มากขึ้น และเพิ่มปุ่มอเนกประสงค์อย่าง Knob ที่สามารถปรับได้ทั้งเสียงและแสงไฟ RGB ทำให้สะดวกสบายในการใช้งานได้เป็นอย่างดี สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไร้สายไม่ว่าจะเป็นระบบ Bluetooth และ Wireless 2.4 GHz ก็สามารถเชื่อมต่อได้ครบครัน

ทางด้านคีย์แคปใช้วัสดุ PBT ที่ขึ้นเงาได้ยาก แข็งแรงทนทาน พิมพ์ตัวอักษรแบบ Doubleshot ติดแน่น ทนนาน และใช้โปรไฟล์ CSA ที่มีความนูนสูงกว่าคีย์แคปปกติทั่วไป ทำให้เกิดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้สวิตซ์ Gateron Yellow Pro ที่ให้สัมผัสแบบ Linear ที่ทั้งเงียบและรวดเร็ว เหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างที่สุด สามารถเปลี่ยนสวิตซ์ได้อย่างรวดเร็วเพราะรองรับ Hot-Swap ทำให้สามารถเปลี่ยนได้เลยไม่ต้องบัดกรีใด ๆ ทั้งสิ้น

สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าวงการ Custom Keyboard และกำลังมองหา Mechanical Keyboard สายบัดเจตดีๆ อยู่สักตัวล่ะก็ Royal Kludge RK100 Milkshake ตัวนี้ก็เป็นคีย์บอร์ดที่เหมาะสุดๆ ไปเลย ด้วยขนาดที่ 96% ที่มีปุ่มแบบ Full Size ในขนาดที่กะทัดรัด พกพาได้ง่าย ตอบโจทย์คนทำงานที่ต้องใช้ Numpad สุดๆ พร้อมกับ Keycap สีหวานสไตล์พาสเทลสุุดน่ารัก ถูกใจสายหวานเย็นสุดๆ แถมยังเชื่อมต่อได้หลากหลาย ทั้งการเสียบผ่านสาย USB-C ที่สามารถใช้งาน USB-A HUB ด้านหลังที่มีให้ถึง 2 ช่อง หรือจะเชื่อมต่อไร้สายแบบ 2.4 GHz และ Bluetooth 5.0 เรียกว่าน่าจะถูกใจสายจัดโต๊ะคอมคลีนๆ ไม่ใช่น้อย และที่สำคัญที่สุดเลยคือ Royal Kludge RK100 Milkshake มาพร้อมกับฟีเจอร์ Hot Swappable สามารถเปลี่ยนสวิตซ์คีย์บอร์ดเป็นแบบต่างๆ ได้เองตามใจชอบ ถ้าเกิดว่าใครอยากจะหาคีย์บอร์ดตัวเริ่มสำหรับ Custom Mechanical Keyboard อยู่ล่ะก็ Royal Kludge RK100 Milkshake ตัวนี้ก็เหมาะที่จะเป็นตัว Starter แบบสุดๆ ไปเลย

และสำหรับใครที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดราคาประหยัด ขนาดเล็ก พกพาง่าย แถมใช้งานได้หลากหลาย ก็น่าจะถูกใจ Royal Kludge RK61 White ตัวนี้ไม่ใช่น้อย ด้วยตัวคีย์บอร์ดขนาด 60% ที่กะทัดรัด Compact สุดๆ พกพาได้ง่าย ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะสุดๆ ไม่ว่าจะทำงาน หรือเล่นเกมก็เข้ากันได้สบายๆ แถมยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ 3 เครื่องพร้อมกัน ทั้ง PC, Mac และบบนระบบ Mobile อย่าง iOS และ Android ผ่านการเชื่อมต่อทั้ง 3 แบบทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายผ่าย Bluetooth และ 2.4Ghz แถมใครเป็นสาย Custom Keyboard ต้องชอบใจแน่ๆ เพราะ Royal Kludge RK61 รองรับการ Hot Swappable สามารถถอดสวิตซ์มาเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ไม่ต้องบัดกรีให้ยุ่งยากแม้แต้น้อย สำหรับใครที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดทำงาน หรือคีย์บอร์ดเกมมิ่งไร้สายสุด Compact อยู่ละก็ ต้อง Royal Kludge RK61 White ตัวนี้เลย

อีกหนึ่งคีย์บอร์ดที่น่าสนใจจากแบรนด์ Mechanical Keyboard เจ้าดังอย่าง Keychron K2 V.2 ที่ได้รับการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้ามาไม่น้อยเลย ด้วยเลย์เอาท์ 75% แบบ Compact ที่กำลังพอดี เหมาะสำหรับคนที่กำลังหาจุดกึ่งกลางระหว่าง 60% และ TKL สุดๆ ตัวเคสของคีย์บอร์ดตัวนี้เป็นอลูมิเนียม Aircraft Grade ที่ทั้งแข็งแรงและดูพรีเมียม ส่วนสวิตซ์ของ Keychron K2 V.2 ก็เป็นของ Gateron ที่ทนแรงกดได้ถึง 60 ล้านครั้งมีให้เลือกทั้ง Blue, Brown และ Red ตามความชอบของเราได้เลย พร้อมทั้งยังรองรับ Hot Swappable ถอดเปลี่ยนสวิตซ์ได้เองไม่ต้องบัดกรี ใครที่เป็นสายโมนั้นน่าจะถูกใจไม่น้อยเลย แถมยังใช้งานไร้สายได้นานถึง 240 ชั่วโมงแบบไม่เปิดไฟ และยังใช้งานได้ทั้งคอมพิวเตอร์ PC, Mac, Linux และระบบ Mobile ทั้ง iOS และ Android ถ้าเกิดว่าคุณกำลังมองหาคีย์บอร์ดสุดพรีเมียมที่ทำงานได้ทุกที่ พร้อมเล่นเกมได้ทุกเวลา Keychron K2 V.2 ตัวนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

คีย์บอร์ดอีกหนึ่งรุ่นจาก Keychron ที่ได้รับการอัพเกรดมาเหมือนกัน นั่นก็คือ Keychron K4 V.2 ที่มาในขนาด 96% มีจำนวนปุ่มถึง 100 ปุ่มพร้อมทั้ง Multimedia Hotkey กว่า 12 คำสั่งเพื่อการใช้งานที่ต่อเนื่องและสะดวกสบายขึ้น ตอบโจทย์การใช้คีย์บอร์ดพิมพ์งานและคีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบไร้สายเป็นที่สุด โดยที่คีย์บอร์ดตัวนี้เชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 ที่เสถียรและแม่นยำ แถมยังใช้งานได้นานถึง 240 ชั่วโมง หรือ 21 ชั่วโมงถ้าเปิดไฟ Backlit พร้อมกับรองรับการใช้งานได้หลายระบบปฏิบัติการ ได้แก่ Mac, Windows, Android, iOS พร้อมกับรองรับ Hot Swappable สามารถปรับเปลี่ยนสวิตซ์และ Keycap ได้เองตามใจชอบ แบบไม่ต้องผ่านการบัดกรีกับแผงวงจรให้ยุ่งยาก ซึ่งน่าถูกใจคนรักคีย์บอร์ดทั้งแบบ Custom และ Casual ไม่น้อยเลยทีเดียว

และถ้าเกิดว่าคุณกำลังมองหาคีย์บอร์ดขนาดเล็ก กะทัดรัด พิมพ์งานได้อย่างลื่นไหล หรือจะใช้เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งไร้สาย เพื่อการเล่นเกมที่เข้ามือยิ่งขึ้น เราก็ขอแนะนำ Keychron K6 คีย์บอร์ดขนาด 65% ที่มาพร้อมกับปุ่มตัวอักษรเพื่อการใช้งานที่หลากหลายกว่า 60% และยังพกพาได้ง่าย สบายกระเป๋า ถูกใจคนใช้งานนอกสถานที่ไม่น้อยเลย โดยที่ตัวคีย์บอร์ดจะใช้สวิตซ์ของ Gateron ที่มีให้เลือกทั้ง 3 แบบหลักๆ ได้แก่ Red, Blue และ Brown หรือถ้าเกิดว่าไม่ถูกใจสวิตซ์ที่มีก็สามารถเปลี่ยนได้ เพราะ Keychron K6 รองรับการ Hot Swappable สามารถปรับเปลี่ยนสวิตซ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ส่วนการใช้งานนั้นก็ยังมีไฟ Blacklit ที่มีให้เลือกถึง 18 แบบ และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ถึง 3 อุปกรณ์ และใช้ได้ทั้งบนระบบ Mac, Windows, Android, iOS จัดว่าเป็นอีกหนึ่ง Wireless Keyboard ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

และสำหรับ Logitech G913 TKL LIGHTSPEED Wireless Keyboard จากแบรนด์ Logitech G ที่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน Wireless 2.4 GHz และ Bluetooth โดยมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 40 ชั่วโมง มีดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม ล้ำสมัย วัสดุมีความแข็งแรง ทนทานสูง ใช้สวิตซ์ Mechanical แบบ Low Profile Keyboard รุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูง รวดเร็ว แม่นยำยิ่งกว่าเก่า เลือกสวิตช์ได้ 3 ชนิดคือ Tactile, Clicky และ Linear มากับไฟ LIGHTSYNC RGB ที่มีสีสันสวยงาม สามารถปรับการแสดงผลได้หลากหลายผ่านทางซอฟต์แวร์ พร้อมปุ่มคีย์ลัดสำหรับควบคุมมัลติมีเดีย 

ตัวต่อมานอกจากจะเชื่อมต่อแบบไร้สายแล้วยังเป็นที่นิยมกันอย่างมากอีกด้วย นั่นก็คือ คีย์บอร์ด Keychron Q1 Hot-Swap Mechanical Keyboard ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 240 ชั่วโมงแบบปิดไฟ เพราะแบตเตอรี่มีความจุมากถึง 4000 mAh และยังเชื่อมอุปกรณ์ได้สูงสุด 3 อุปกรณ์กันเลยทีเดียว โดยตัวคีย์บอร์ดมี Layout 75% สามารถปรับตั้งค่าของตัวคีย์บอร์ดได้ในเชิงลึกจากซอฟต์แวร์ QMK และ VIA พร้อม Hot - Swappable ทำให้เปลี่ยนสวิตซ์หรือคีย์แคปได้ในทันที โดยไม่ต้องทำการบัดกรีเอง สามารถเลือกสวิตช์ได้ทั้ง 3 แบบคือ Linear, Clicky, Tactile และยังสามารถสลับการใช้งานระหว่าง MacOS และ Windows ได้ง่าย ๆ

สำหรับตัวนี้เป็นของค่าย IQunix คือ IQUNIX L80 Formula Typing Wireless Mechanical Keyboard (EN) ขนาด Layout 80% ซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้ถึง 3 แบบด้วยกัน แบบแรกคือแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 แบบที่สองคือแบบไร้สายผ่าน Wireless 2.4 GHz เชื่อมต่อได้ด้วยดองเกิลที่มาในชุด และสุดท้าย เชื่อมต่อแบบผ่านสายด้วยพอร์ต USB-C ถือเป็นคีย์บอร์ดอีกตัวที่เชื่อมต่อได้หลากหลายมากเลยครับ สนุกกับการตกแต่งด้วยสวิตซ์ที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่ Cherry Blue Switch, Cherry Brown Switch และ Cherry Red Switch ที่สำคัญรองรับ Hot-swappable สามารถเปลี่ยนสวิตซ์ได้ตามความต้องการ ไม่ต้องบัดกรีใหม่

เจ้าคีย์บอร์ด Anne Pro 2 RGB Gaming Wireless Keyboard คือคีย์บอร์ดตัวนี้เป็นคีย์บอร์ดไร้สายที่ความเจ๋งของมันก็คือ นอกจากจะเชื่อมต่อ Bluetooth กับคอมพิวเตอร์ของคุณได้แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Tablet และมือถือได้อีกด้วย ซึ่งรุ่นที่รองรับก็คือ Android ไปจนถึง IOS ได้เลย เรียกว่าสะดวกสบายมาก ๆ ที่จะใช้เชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ โดยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง และยังเลือกสวิตช์ได้ถึง 3 แบรนด์ ระหว่าง Kailh, Gateron และ Cherry ให้คุณเลือกสัมผัสและเสียงที่ชื่นชอบ

ตัวนี้นี่นึกว่า นาตาชา โรมานอฟ แห่งกลุ่ม The Avengers เพราะจุดแข็งของ Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed US Layout Wireless Keyboard (EN) คือเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Razer Hyperspeed ความถี่ 2.4 GHz จุดเด่นคือมีความหน่วงต่ำและมีการตอบสนองที่รวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมใดก็ตาม พร้อมกับระยะการเชื่อมต่อที่ไกลและทะลุสิ่งกีดขวางได้ดี หรือจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 200 ชั่วโมง และยังเลือกใช้สวิตช์ทั้งแบบ Tectile และ Linear

นอกจากจะสวยงามด้วยสีขาวตัดไฟ RGB แล้ว คีย์บอร์ดตัวนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้พร้อมกันถึง 3 เครื่อง นั่นก็คือ Royal Kludge RK84 White Wireless Mechanical Keyboard โดยการเชื่อต่อได้แบบ Wireless2.4Ghz และแบบ Bluetooth โดยมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 3750mAh เรียกได้ว่าอึดมาก ๆ ใช้ได้แบบลืมวันลืมคืน ใช้สวิตช์ Tactile และมี Hot Swappable จึงทำให้สามารถเปลี่ยนสวิตช์ได้เลยไม่ต้องบัดกรี ในส่วนของแบตเตอร์รี่นั้นมีความจุ 3750 mAn และใช้ได้ยาวนานถึง 200 ชั่วโมง

ตัวสุดท้ายในบทความนี้ Mercular ยกให้ Leopold FC660MBT Grey/Blue PD Wireless Mechanical Keyboard (EN) ขนาดไซส์เหมาะกับการพกพาด้วย Layout 65% โดยสามารถเชื่อมต่อด้วยสาย USB-A to USB-C และผ่าน Bluetooth โดยถ้าเชื่อมต่อแบบ Bluetooth จะสามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้ถึง 4 อุปกรณ์กันเลยทีเดียว และไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่แต่อย่างใด เพราะขุมพลังของ Leopold FC660MBT Grey/Blue PD Wireless Mechanical Keyboard (EN) นี้มาจากถ่าน AAA จำนวนเพียงแค่ 2 ก้อนเท่านั้น สวิตซ์คีย์บอร์ดแบบ Cherry MX ใช้คีย์แคปวัสดุ PBT พิมพ์ตัวอักษรแบบ Double Shot มั่นใจได้เลยว่าตัวอักษรใช้ได้ยาวนานไม่ลอกออก

เป็นยังไงกันบ้างครับกับการแนะนำ คีย์บอร์ดเกมมิ่ง เชื่อมต่อไร้สาย ปี 2023 ที่ทาง Mercular คัดกันแบบจุก ๆ ซึ่งเจ้าคีย์บอร์ดไร้สายเหล่านี้จะช่วยขจัดปัญหาสายพัน สายเกะกะกันได้อย่างชะงักนักแล แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามการใช้งานเหล่าเกมเมอร์หรือคุณผู้ใช้ก็อย่าลืมเด็ดขาดว่าต้องทำการชาร์จแบตเตอร์รี่ด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอาการหัวร้อนหากคีย์บอร์ดสุดรักนี้แบตหมดระหว่างเล่นเกมนะครับ คราวหน้า Mercular จะเอาเรื่องอะไรมาฝากอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ