10 อันดับ Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือด ปี 2023

2 ก.พ. 2566

10 อันดับ Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือด ปี 2023

ในช่วงปี 2020-2023 ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนให้ความสนใจกับนาฬิกา Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดได้ เนื่องจากสามารถตรวจจับค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเราติดโควิด 19 หรือเปล่า จึงทำให้สมาร์ทวอทช์วัดออกซิเจนในเลือดนั้นได้รับความนิยมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตไม่น้อย เพราะทำให้คุณไม่ต้องไปซื้อเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดมาพกติดตัวไว้ แต่เพียงใส่อุปกรณ์ Wearable อย่างสมาร์ทวอทช์ติดข้อมือเพียงเรือนเดียวก็สามารถวัดค่าสุขภาพได้อย่างแม่นยำ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหา Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดได้ วันนี้ Mercular ขอแนะนำ 10 อันดับนาฬิกาเพื่อสุขภาพที่ครบครัน วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ วัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ และยังสามารถตรวจจับค่าอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บอกเลยว่าเป็นคู่หูสุขภาพให้คุณได้อย่างแน่นอน

Fitbit Sense

Fitbit Sense

สเปคเด่น


หน้าจอ : AMOLED Touch Screen รองรับ Always-On Display


โหมดออกกำลังกาย : 20 รูปแบบ


แบตเตอรี : ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 6 วัน


มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM

ขอเปิดประเดิมนาฬิกา Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดกับ Fitbit Sense ที่มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับค่าสุขภาพอย่างอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นค่าออกซิเจนในเลือด, อัตราการเต้นของหัวใจ, ความเครียด, การนอนหลับ เป็นต้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกค่าสุขภาพมาตรฐานที่คุณต้องการทราบในแต่ละวัน นอกจากนั้นยังถูกออกแบบมาได้รับกับข้อมือทุกเพศทุกวัย น้ำหนักเบา สวมใส่สบายตลอดวัน และใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เจ้าสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้มาพร้อมโหมดการออกกำลังกายอัตโนมัติมาให้คุณกว่า 20 รูปแบบ มีระบบ GPS ในตัว พร้อมไมโครโฟนและลำโพงในตัว สามารถสั่งการทำงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa ได้อย่างไม่มีสะดุด บอกเลยว่าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง

ข้อดี


  • ตรวจจับค่าสุขภาพได้หลากหลายและแม่นยำ
  • มีไมโครโฟนและลำโพงมาให้ในตัว
  • ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้
  • รองรับการชาร์จแบตเตอรี Fast Charge

ข้อควรระวัง


  • หากเปิดใช้งานฟีเจอร์การทำงานครบ จะทำให้ใช้งานแบตเตอรีได้น้อยลง แบตหมดไวมากขึ้น
Fitbit Sense
Samsung Galaxy Watch 4

Samsung Galaxy Watch 4

สเปคเด่น


ตัวเรือน : กระจก Gorilla® Glass DX + กระจก 3D


การเชื่อมต่อ : Bluetooth® 5.0


เซนเซอร์ : Accel., Gyro, Baro, Ambient Light, HRM, ECG, Compass, BIA


แบตเตอรี : ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 40 ชั่วโมง

มาต่อที่แบรนด์อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์เจ้าตลาดอย่าง Samsung กันบ้างกับรุ่น Samsung Galaxy Watch 4 ที่มีขนาดตัวเรือนมาให้คุณเลือกทั้ง 40 มม. และ 44 มม. สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย มีการดีไซน์ที่เน้นความสปอร์ตแต่สามารถสวมใส่ได้หลากหลายโอกาสการใช้งาน มีเซนเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าออกซิเจนในเลือด รวมถึงสามารถตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ด้วย นอกจากนั้นยังรองรับการรับสายเรียกเข้า แจ้งเตือนข้อความ และมีฟีเจอร์การออกกำลังกายให้คุณได้เลือกใช้อีกกว่า 90 ชนิด ถือเป็นหนึ่งใน Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดที่เหมาะสำหรับการใช้งานในยุคนี้เป็นที่สุด

ข้อดี


  • ตัวเรือนใช้วัสดุที่ทนทาน ใช้งานได้นาน
  • รองรับการตรวจจับค่าสุขภาพที่หลากหลาย
  • รับสายแจ้งเตือนและข้อความได้ตลอดเวลา

ข้อควรระวัง


  • หน่วยความจำภายในให้มาเพียง 16 GB
Samsung Galaxy Watch 4
Garmin Venu 2

Garmin Venu 2

สเปคเด่น


หน้าจอ : AMOLED Touch Screen 45 มม.


การเชื่อมต่อ : Bluetooth, ANT+ และ Wi-Fi


แบตเตอรี : ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 11 วัน


มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM

สำหรับแฟนคลับแบรนด์นาฬิกาสุดถึก ทน และดุดันอย่าง Garmin ที่กำลังมองหา Smartwatch วัดค่าออกซิเจนในเลือดได้อยู่ล่ะก็ Garmin Venu 2 รุ่นเรือธงของแบรนด์ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะมีเซนเซอร์ตรวจจับค่าออกซิเจนในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังรองรับการตรวจจับค่าความเครียด และคุณภาพการนอนหลับตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้คุณนำเอาข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์การใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้ คุณสามารถสวมได้ตลอดทั้งวันอย่างไม่หนักข้อมือ รองรับการออกกำลังกายทั้งรูปแบบ Indoor และ Outdoor อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อการใช้งานด้านอื่น ๆ ได้ตามต้องการ

ข้อดี


  • ติดตามค่าสุขภาพได้อย่างแม่นยำ
  • ติดตามค่าการออกกำลังกายได้อย่างหลากหลาย
  • น้ำหนักเบา ใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน

ข้อควรระวัง


  • หน้าจอ Always On อาจทำให้แบตเตอรีหมดไว
Garmin Venu 2
Garmin Fenix 6

Garmin Fenix 6

สเปคเด่น


ตัวเรือน : Corning® Gorilla® Glass DX หรือ Sapphire Crystal


ความละเอียด : 260 x 260 พิกเซล


แบตเตอรี : ใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุด 14 วัน


มาตรฐานกันน้ำ : 10ATM

อีกหนึ่ง Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดได้จากค่าย Garmin รุ่นนี้มีความพิเศษอยู่ที่การเลือกใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกระแทกและรอยขีดข่วน ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานกองทัพสหรัฐ หรือ MIL-STD-810G ที่รับรองได้เลยว่า อึด ถึก ทน อย่างแน่นอน รองรับมาตรฐานการกันน้ำที่ระดับ 100 เมตร ทำให้คุณสามารถสวมใส่ขณะว่ายน้ำได้อย่างไม่ต้องกังวล นอกจากนั้นยังมีโหมดการออกกำลังกายและฟีเจอร์อื่น ๆ สำหรับการออกกำลังกายนอกสถานที่อีกมากมาย รองรับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า ข้อความจากสมาร์ทโฟนได้ตลอดเวลา ทำให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ บอกเลยว่า Garmin Fenix 6 หรือ Garmin Fenix 6 Pro Solar นั้นสามารถรับจบได้แน่นอน!

ข้อดี


  • ใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกระแทกและรอยขีดข่วน
  • มีฟีเจอร์ตอบโจทย์กิจกรรม Adventure หรือ Outdoor Activities
  • ควบคุมแอปพลิเคชันการฟังเพลงได้บนตัวเรือน

ข้อควรระวัง


  • ไม่มีฟีเจอร์แผนที่ให้บนตัวเรือน
Garmin Fenix 6
Apple Watch Series 7

Apple Watch Series 7

สเปคเด่น


ตัวเรือน : จอภาพ LTPO OLED Retina ขนาด 41 มม. และ 45 มม.


วัสดุตัวเรือน : อลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม


การเก็บข้อมูล : 32GB


มาตรฐานกันน้ำ : 50 เมตร

Apple Watch เป็นหนึ่งในสินค้าเรือธงจากแบรนด์ Apple เลยก็ว่าได้ ซึ่งในรุ่นล่าสุดอย่าง Apple Watch Series 7 ได้มีการใส่ฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาให้แล้วเรียบร้อย ทำให้หลาย ๆ คนเลือกซื้อ Smartwatch รุ่นนี้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งนอกจากจะเป็น Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับสายแจ้งเตือน พูดคุยได้แบบเรียลไทม์ รับการแจ้งเตือนข้อความ ควบคุมแอปพลิเคชันการฟังเพลง ดาวน์โหลดเพลงเพื่อฟังแบบ Offline ดูแผนที่เมื่อต้องเดินทาง เป็นต้น นอกจากนั้นในสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ยังรองรับการชาร์จแบตเตอรีกับ Wireless Charger อีกด้วย เรียกได้ว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการชาร์จแบตเตอรีของคุณได้เป็นอย่างดี

ข้อดี


  • รับสายเรียกเข้าและรับการแจ้งเตือนได้ตลอดเวลา
  • รองรับการแจ้งเตือนและโทรแบบฉุกเฉินได้ทั่วโลก
  • ตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างแม่นยำและหลากหลาย
  • สามารถเปลี่ยนสายนาฬิกาได้ตามต้องการ

ข้อควรระวัง


  • ไม่เหมาะสำหรับการดำน้ำลึก เพราะกันน้ำที่ระดับ 50 เมตรได้ไม่นาน
Apple Watch Series 7
Amazfit GTS 2 Mini

Amazfit GTS 2 Mini

สเปคเด่น


หน้าจอ : AMOLED ขนาด 1.65 นิ้ว


ความละเอียด : 354 x 306 พิกเซล


โหมดการออกกำลังกาย : 70 รูปแบบ


มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM

เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋วจริง ๆ สำหรับ Smartwatch วัดออกซิเจนได้เรือนนี้ เพราะ Amazfit GTS 2 Mini นั้น ของแบรนด์ Amazfit มาพร้อมราคาสุดมินิมอลไม่เกิน 3,000 บาท แต่อัดฟีเจอร์มาให้อย่างแน่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสุขภาพอย่างการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าออกซิเจนในเลือด, ความเครียด, ฯลฯ รวมถึงยังสามารถตรวจจับรอบเดือนของสาว ๆ ได้ด้วย นอกจากนั้นยังมาพร้อมโหมดการออกกำลังกายอีกกว่า 70 รูปแบบ ให้คุณได้เลือกออกกำลังกายได้ตามต้องการ ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 14 วัน เชื่อมต่อง่ายด้วยระบบ Bluetooth จะเรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ตัวเริ่มต้นที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการก็ว่าได้

ข้อดี


  • ราคาเป็นมิตร ฟีเจอร์ให้มาจัดเต็ม
  • ตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างแม่นยำและหลากหลาย
  • โหมดการออกกำลังกายมีเยอะถึง 70 รูปแบบ

ข้อควรระวัง


  • ไม่รองรับการรับสายเรียกเข้าแบบเรียลไทม์
  • ไม่รองรับการเชื่อมต่อด้วยระบบ WiFi
Amazfit GTS 2 Mini
Amazfit Bip U Pro

Amazfit Bip U Pro

สเปคเด่น


จอภาพ : HD ขนาด 1.43 นิ้ว


โหมดการออกกำลังกาย : 60 รูปแบบ


มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM


น้ำหนัก : 31 กรัม

ขอต่อที่ Amazfit Bip U Pro นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ในราคาเพียง 1,000 ต้น ๆ เท่านั้น ถือเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่แท้ นอกจากจะสามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้แล้ว ยังรองรับการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, ความเครียด, การนอนหลับ, และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงสามารถติดตามกิจกรรมระหว่างวันของผู้ที่สวมใส่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบ GPS ในตัวทำให้สามารถระบุพิกัดได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถทำหน้าที่เป็นรีโมตถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย หากคุณกำลังมองหา Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดที่ราคาเข้าถึงได้อยู่ล่ะก็ เลือกรุ่นนี้รับรองประทับใจ

ข้อดี


  • ราคาประหยัด ฟีเจอร์ครบ
  • ตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างหลากหลาย

ข้อควรระวัง


  • ไม่สามารถดาวน์โหลดเพลงเพื่อฟังแบบ Offline ได้
Amazfit Bip U Pro
Ticwatch Pro 3 GPS

Ticwatch Pro 3 GPS

สเปคเด่น


หน้าจอ : Dual Display 2.0 ขนาด 1.4 นิ้ว


ชิปเซต : Snapdragon Wear 4100


แบตเตอรี : ใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุด 45 วัน


มาตรฐานกันน้ำ : IP68

เรียบหรู ดูแพง โดดเด่นมาแต่ไกล ต้องยกให้ Ticwatch Pro 3 GPS หนึ่งใน Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดได้ที่ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ดีไซน์พรีเมียม ตัวเรือนใช้วัสดุสแตนเลสสตีล ทำให้มีน้ำหนักเบา สามารถสวมใส่ได้ตลอดวัน ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการณ์ Wear OS จาก Google ด้วยชิป Snapdragon Wear 4100 ทำให้ทำงานได้อย่างลื่นไหลไม่มีติดขัด มีเซนเซอร์ตรวจจับค่าสุขภาพที่หลากหลาย และยังมีโหมดการออกกำลังกายมาให้กว่า 10 รูปแบบ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมเพื่อใช้งานตามต้องการได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น Messenger, Spotify, Google Pay เป็นต้น และอีกหนึ่งความพิเศษของเจ้าสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้คงต้องยกให้ความอึดของแบตเตอรี เพราะสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 45 วันเลยทีเดียว

ข้อดี


  • แบตอึด ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 45 วัน
  • สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้

ข้อควรระวัง


  • ระบบในตัวเรือนอาจยังไม่เสถียรเท่าที่ควร
Ticwatch Pro 3 GPS
Amazfit GTR 3 Pro

Amazfit GTR 3 Pro

สเปคเด่น


หน้าจอ : ขนาด 1.45 นิ้ว AMOLED Multi Touch


การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0


ระบบปฏิบัติการ : Zepp OS


แบตเตอรี : ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุด 12 วัน

อีกหนึ่ง Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดได้จาก Amazfit ที่หลาย ๆ คนเลือกซื้อมาใช้งานคงต้องยกให้ Amazfit GTR 3 Pro ด้วยราคาที่อยู่ระดับกลาง ไม่สูงจนเกินไป จึงทำให้ผู้ใช้งานประทับใจกันอย่างต่อเนื่อง ตัวเรือนมีการดีไซน์ให้ได้ขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา ทำให้สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย รองรับการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าออกซิเจนในเลือด, คุณภาพการนอน, ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งในคู่หูสุขภาพของคุณได้อย่างง่ายดาย เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ง่าย ๆ ด้วยระบบ Bluetooth ปรับเปลี่ยนหน้าจอได้ตามต้องการกว่า 150 รูปแบบ ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 12 วัน บอกเลยว่านาฬิกาสมาร์ทวอทช์เรือนนี้จะยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะฟีเจอร์และราคาที่สัมพันธ์กัน รวมถึงดีไซน์ที่สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส อย่ารอช้า ไปช้อปมาสวมใส่กันเลย

ข้อดี


  • ตัวเรือนขนาดพอดีข้อมือ น้ำหนักเบา สวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย
  • ตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างหลากหลาย
  • มีโหมดการออกกำลังกายมาให้ในตัวเรือน

ข้อควรระวัง


  • การแสดงผลด้วยระบบภาษาไทยอาจไม่สมบูรณ์ 100%
Amazfit GTR 3 Pro
Garmin Forerunner 245

Garmin Forerunner 245

สเปคเด่น


หน้าจอ : MIP ขนาด 1.2 นิ้ว


ความละเอียด : 240 x 240 พิกเซล


มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM


น้ำหนัก : 38.5 กรัม 

ปิดท้ายการแนะนำ 10 อันดับ Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดด้วย Garmin Forerunner 245 ที่โดดเด่นไปด้วยฟีเจอร์การทำงานด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการวิ่ง เจ้าสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้มีเครื่องมือวิเคราะห์การวิ่งของคุณโดยละเอียด อีกทั้งยังสามารถแบ่งปันและแชร์ข้อมูลการวิ่งไปยังชุมชนออนไลน์ Garmin Connect ได้อย่างไม่มีสะดุด ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือวิดเจ็ตเพิ่มเติมได้ผ่าน Connect IQ Store ทุกเมื่อ เรียกได้ว่าสามารถใช้งานในด้านสุขภาพและการออกกำลังกายได้ครบครันทุกรูปแบบ หากคุณกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์คุณภาพดีสักรุ่นที่รองรับการตรวจจับค่าออกซิเจนในเลือด เลือกซื้อรุ่นนี้ไปรับรองประทับใจไม่น้อย!

ข้อดี


  • มีฟีเจอร์สำหรับวิเคราะห์การวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ
  • น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย
  • รองรับการตรวจจับค่าสุขภาพที่หลากหลาย

ข้อควรระวัง


  • โหมดการออกกำลังกายมีมาให้ไม่หลากหลาย
Garmin Forerunner 245

หันมารักสุขภาพด้วยการเริ่มต้นที่เลือกซื้อ Smartwatch วัดออกซิเจนในเลือดได้สักเรือน มาเป็นคู่หูสุขภาพให้คุณในทุกวัน เชื่อว่าใน 10 รุ่นสมาร์ทวอทช์ที่เราได้แนะนำมาด้านบนนั้น คงจะถูกใจคุณผู้อ่านบ้างสักเรือน เพราะมีฟีเจอร์ที่ครบครันสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสุขภาพ การออกกำลังกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของไลฟ์สไตล์ ต้องบอกเลยว่าครบเครื่องกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว อย่ารอช้า มาช้อปนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ฟีเจอร์เพียบเป็นของตัวเองได้แล้ววันนี้ที่ Mercular.com

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2