สรุปสินค้าใหม่ที่น่าสนใจในงาน CES 2020
13 ม.ค. 2563
เสร็จสิ้นกันไปแล้วกับงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมแห่งอนาคตงานแรกของปี 2020 อย่าง CES 2020 หรือ Consumer Electronic Show ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ Las Vegas โดยมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากและเพิ่มขึ้นในทุกๆปี ในปีนี้บรรดาแบรนด์ต่างๆจากทั่วโลกก็ขนเอานวัตกรรมใหม่ๆมาเปิดตัวกันอย่างจัดเต็ม โดยเฉพาะหมวดของ หูฟังไร้สาย, True Wireless ลำโพงไร้สาย และ Smartwatch พูดได้เลยว่าน่าสนใจไปหมดทุกอย่าง และทาง Mercular.com ก็ได้สรุปสินค้าใหม่น่าสนใจที่เปิดตัวกันในงานนี้ จะมีสินค้าตัวไหนจากแบรนด์อะไรบ้าง มาดูกันครับ
JBL Boombox 2
เริ่มตัวแรกด้วยสินค้าหมวด ลำโพงพกพกพาไร้สาย Portable Speaker จากแบรนด์ยอดนิยมอย่าง JBL กับ JBL Boombox 2 ที่ครั้งนี้ได้รับการอัพเกรดแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้นถึง 24 ชั่วโมง, ระบบเสียง JBL Original Pro Sound เพิ่มเบสกระหึ่มและใส่รายละเอียดให้ย่านต่างๆมากขึ้น, ปรับเปลี่ยนรูปร่างให้ทันสมัยมากขึ้น ใส่โลโก้ ! สัญลักษณ์ของ JBL ไว้ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง, PartyBoost เชื่อมต่อไร้สายเข้ากับรุ่นที่รองรับได้อย่างไม่จำกัด, กันน้ำ IPX7 และใส่ Power Bank เข้ามาในตัวสำหรับชาร์จ Smartphone
JBL Boombox 2 เปิดตัวที่ราคา $449.95 และจะเริ่มวางขายช่วงเดือนมีนาคม 2020
Klipsch The Five
ต่อกันที่แบรนด์ Klipsch กับ ลำโพงมอนิเตอร์ไร้สาย Klipsch The Five ระบบเสียง 2.0 รองรับการเชื่อมต่อครบครันจบในตัวเดียวทั้ง Bluetooth รองรับ aptX HD, HDMI-ARC, Digital Optical, RCA Stereo, AUX/3.5 mm., USB และช่องเชื่อมต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียง Phono Pre-Amp รองรับการถอดรหัสเสียง Hi-Res (192kHz / 24-bit) และรองรับการใช้งานกับรีโมททีวีอีกด้วยครับ
Klipsch The Five ยังไม่เปิดตัวราคาและวันวางจำหน่าย
Klipsch New Soundbar Series
ยังไม่หมดกับแบรนด์ Klipsch ที่เปิดตัว ลำโพงซาวน์บาร์ไร้สาย Wireless Soundbar อีก 2 รุ่น รุ่นแรกคือ Klipsch BAR 44 ที่เป็นรุ่นกลางระหว่าง 40 และ 48 มาพร้อม Subwoofer ไร้สายขนาด 8 นิ้ว ความยาวตัวซาวน์บาร์ที่ 44 นิ้วตามชื่อรุ่น ระบบเสียง 3.1 รองรับ Dolby Digital, Dolby Digital Plus และต่อเพิ่ม
Klipsch Surround 3 เพื่อเสียง 5.1 ได้อีกด้วย
สำหรับรุ่นที่ 2 คือ Klipsch BAR 54 with Dolby Atmos® ซึ่งจัดเป็นรุ่นสูงสุดของซีรีส์ Klipsch Sound Bar มาพร้อม Subwoofer ไร้สายขนาดใหญ่ถึง 12 นิ้ว ความยาวตัวซาวน์บาร์อยู่ที่ 54 นิ้ว มาพร้อมระบบเสียง 5.1.4 รองรับ Dolby ATMOS 7.1.4 และ DTS Virtual X มาพร้อมเทคโนโลยีสตรีมมิ่งอย่างครบครันทั้ง Google Chromecast, Apple AirPlay รวมถึงระบบสั่งการผู้ช่วยเสียงทั้ง Google Assistant และ Amazon Alexa
Klipsch New Soundbar Series ทั้ง 2 รุ่น ยังไม่เปิดตัวราคาและวันวางจำหน่าย
Withings Scanwatch
มาที่หมวด Wearable กันต่อ กับสินค้าจากแบรนด์ที่กำลังมาแรงอย่าง Withings กับ Withings Scanwatch นาฬิกาไฮบริด หรือ Hybrid Smartwatch ระดับ Medical Grade หรือระดับเดียวกับที่ใช้ในทางการแพทย์ จุดเด่นอยู่ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ในระดับการแพทย์ และการตรวจจับค่า ECG (Electrocardiogram) หรือค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ Sleep Apnea (อาการหยุดหายใจระหว่างนอนหลับ) พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วนทั้งการตรวจจับการออกกำลังกาย Auto Detection ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ, โชว์การแจ้งเตือนตรงจาก Smartphone, รองรับการเชื่อมต่อ GPS, แบตเตอรี่นาน 30 วัน, กันน้ำลึก 5ATM, สายถอดเปลี่ยนได้, หน้าจอใช้เป็น Sapphire Glass กันรอยได้สบายๆ และมี 2 ขนาดให้เลือกคือหน้าปัด 38 มม. และ 42 มม.
Withings Scanwatch เปิดตัวที่ราคา $249 สำหรับหน้าปัด 38 มม. และ $299 สำหรับหน้าปัด 42 มม. เริ่มวางขายในช่วง Q2 2020 ที่ยุโรปและอเมริกา
Suunto 7
Smartwatch อีกตัวที่น่าสนใจคือ Suunto 7 ที่มาครั้งนี้เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการณ์ WearOS จาก Google แล้ว ทำให้รองรับแอป Google อีกมากมายเช่น Google Play, Fit และ Assistant เป็นต้น สามารถดาวน์โหลตเพิ่มได้จาก Google Play Store มาพร้อมจุดเด่นคือ Offline Map ที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต และยังรองรับภาษาไทยแบบ 100% อีกด้วย ส่วนสเปคก็มาแบบจัดเต็มทั้งหน้าจอ Amoled ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียดที่ 454x454 Pixel ครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass ให้สีสันที่คมชัดแม้จะอยู่กลางแจ้งที่มีแสงจ้า พร้อมโหมดออกกำลังกายในตัวกว่า 70 หมวด รองรับระบบนำทางทั้ง GPS, Glonass และ Galileo และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 40 วันเลยทีเดียว
Suunto 7 เปิดตัวที่ราคา 17,900 บาท และจะเริ่มวางขายในไทยวันที่ 31 มกราคม 2020 นี้
Amazfit PowerBuds / Amazfit ZenBuds
มาถึงหมวด True Wireless กับแบรนด์ Huami หรือก็คือแบรนด์ในเครือของ Xiaomi ที่เปิดตัวสินค้า หูฟังไร้สาย ถึง 2 ด้วยกัน โดยรุ่นแรกคือ Amazfit PowerBuds ซึ่งเป็นแบบ In-Ear พร้อมก้านเกี่ยวหูใส่ออกกำลังกายได้สบายๆไม่ต้องกังวลเรื่องหลุดจากหูง่ายๆ พร้อมจุดเด่นคือ Heart Rate Sensor หรือ เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจภายในตัว ซึ่งสามารถตรวจจับการเต้นของหัวใจได้แบบ Real-Time พร้อมด้วยการแจ้งเตือนเสียงเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจหรือชีพจรพุ่งสูงเกินมาตรฐาน ส่วนของสเปคก็จัดเต็มทั้งกันน้ำกันฝุ่น IP55, Thru Mode รับเสียงจากภายนอก, ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมงเมื่อรวมจากกล่องชาร์จ, ชาร์จไว 15 นาทีใช้งานได้ 3 ชั่วโมง และน้ำหนักที่เบาสุดๆ เพียงข้างละ 6 กรัมเท่านั้น
อีกรุ่นที่เปิดตัวก็คือ Amazfit ZenBuds จาก Amazfit ที่น่าสนใจมากๆ เพราะเป็นหูฟัง True Wireless ที่ออกแบบมาให้ใส่ขณะนอนหลับเพื่อช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น มาพร้อมฟังก์ชั่น Noise-Blocking ที่จะกันเสียงจากภายนอกพร้อมเล่นเสียงแนวธรรมชาติสำหรับผ่อนคลาย ภายในมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการนอนหลับที่เมื่อผู้ใช้งานหลับสนิทแล้วก็จะหยุดเล่นเสียงโดยอัตโนมัติ และยังสามารถตั้งปลุกโดยเมื่อถึงเวลาจะเล่นเสียงปลุกที่จะค่อยๆดังขึ้นจนผู้ใช้ตื่น ตัวหูฟังจะเก็บข้อมูลการเต้นของหัวใจ ตำแหน่งท่าทางการขยับตัวระหว่างนอน และแสดงรายละเอียดผ่าน App ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 8 ชั่วโมง
Amazfit PowerBuds เปิดตัวที่ราคา $249 และจะเริ่มวางขายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วน Amazfit ZenBuds ยังไม่เปิดราคาและวันวางจำหน่ายครับ
Audio-Technica ATH-ANC300TWS
และสินค้าในหมวด True Wireless อีกตัวจากแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Audio-Technica ในรุ่น ATH-ANC300TW ที่ชุจุดเด่นในการเป็น True Wireless ตัดเสียงรบกวน Hybird Noise-Cancelling ตัวแรกของแบรนด์ พร้อมเทคโนโลยี Quiet Point ที่ตัดเสียงได้เงียบมากๆด้วยไมโครโฟนตัดเสียงข้างละ 2 ตัว และยังสามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนและรับเสียงจากภายนอก รวมไปถึงยังมีโหมดการตัดเสียงบนเครื่องบินให้เลือกอีกด้วย ส่วนของสเปคก็ไม่ธรรมดา ภายในมีไดรเวอร์ไดนามิคขนาด 5.8 มม. ควบคุมด้วยระบบสัมผัส กันเหงื่อ IPX2 เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 แบบ Low Latency ช่วยในเรื่องดูหนังเล่นเกมออนไลน์ไม่ดีเลย์ และยังรองรับ aptX อีกด้วย ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 4.5 ชั่วโมงและรวมจากกล่องชาร์จเป็น 13.5 ชั่วโมง
Audio-Technica ATH-ANC300TWS เปิดตัวที่ราคา $229 และจะเริ่มวางขายในเดือน พฤษภาคม 2020 นี้
JBL Quantum One
ปิดท้ายด้วยการลงมาจับตลาดเกมมิ่งครั้งแรกของแบรนด์ JBL กับซีรีส์ JBL Quantum โดยรุ่นเรือธงอย่าง JBL Quantum One มาพร้อมความสามารถแบบจัดเต็ม ทั้งระบบเสียง 360 องศาโดยใช้การประมวลผลผ่าน Software QuantumENGINE ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า JBL QuantumSphere 360 โดยเสียงที่ได้และต้นทางของเสียงจะขยับไปแบบสมจริงตามการหันของผู้สวมใส่ ให้เสียงแบบสมจริงไปอีกระดับ และยังมาพร้อมระบบตัดเสียง Noise Cancelling, Boom Mic ที่รับเสียงได้คมชัดทุกการสนทนา ปรับระดับเสียงได้ว่าจะเน้นเสียงเกมหรือหรือเสียงพูดได้ตามต้องการ
JBL Quantum One เปิดตัวที่ราคา $300 และจะเริ่มวางขายในเดือน เมษายน 2020 นี้