หูฟัง In Ear
ตั้งค่าการค้นหา
ประเภทหูฟัง
เหมาะสำหรับ
มีสาย/ไร้สาย
การกันน้ำ
ระดับการกันน้ำ
ไมโครโฟน
คุณสมบัติพิเศษ
การเชื่อมต่อหูฟัง (Input)
categories.productBar.categoryTitle :
”หูฟัง In Ear”
(categories.productBar.product 99 categories.productBar.unit)
หูฟัง In-Ear คืออะไร
หากพูดถึงหูฟังขนาดเล็กที่มีคนนิยมใช้เป็นอันบต้นๆ ก็คงไม่พ้น หูฟัง In-Ear นั่นเอง ด้วยขนาดที่เล็กพกพาง่าย หยิบจับสะดวกแถมตัว หูฟัง In-Ear ยังกันเสียงภายนอกได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการสวมใส่ที่ต้องสอดจุกซิลิโคนเข้าไปในรูหูจึงทำให้แน่นกับรูหู บล็อคเสียงจากภายนอกให้เข้ามาได้น้อย และเสียงจากภายนอกจึงไม่รบกวนเวลาฟังเพลงนั่นเอง โดยพื้นฐานของ หูฟัง In-Ear จริงๆแล้วถูกดัดแปลงมาจาก หูฟัง Earbud แบบดั้งเดิมที่แท้จะสวมใส่สบายหู แต่ก็มีจุดอ่อนในเรื่องการสวมใส่ที่อาจจะไม่กระชับแน่นหู รวมถึงมีการหลุดรอดของเสียงออกไปบ้างก่อนที่จะมาพัฒนาเป็น หูฟัง In-Ear โดยการสวมใส่มีอยู่ 2 แบบ แบบแรกคือเสียบเข้าไปในหูตรงๆ และปล่อยสายไว้ด้านหน้าตามปกติ และแบบที่สองคือสวมใส่แบบอ้อมจากด้านหลังใบหูซึ่งมีข้อดีคือทำให้หูฟังหลุดได้ยากขึ้น เนื่องจากมีสายเกี่ยวที่หลังใบหู
จุดเด่นของ หูฟัง In-Ear คืออะไร
จุดเด่นหลักๆ ของ หูฟัง In-Ear ที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็จะมี 2 ข้อหลักๆ แบ่งเป็นข้อแรกคือการสวมใส่ที่แน่นกระชับ สวมใส่เข้าไปแล้วฟิตพอดีหูไม่หลุดหรือเคลื่อนออกจากหูง่ายๆ ไม่ว่าจะขยับหรือเคลื่อนไหวรุนแรงเพียงใด เหมาะกับการสวมใส่ออกกำลังกาย สวมใส่ขณะเดินไปมา หรือสวมใส่ขณะทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอด และอีกข้อก็คือเรื่องเสียงที่หาก หูฟัง Earbud นั้นมีจุดอ่อนที่การสูญเสียย่านเสียงบางย่าน โดยเฉพาะเบสออกไป
หูฟัง In-Ear ก็เหมือนกับทางแก้หรือก็คือการออกแบบมาให้ไม่สูญเสียย่านเสียงออกไปโดยเฉพาะย่านเบส ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของหูฟัง In-Ear และด้วยขนาดที่เล็กทำให้สามารถพกพาย่านเสียงไปด้วยได้อย่างครบครัน ให้ภาพรวมเสียงที่มีความสด เนื้อเสียงแน่นครบถ้วนทุกย่าน และเก็บรายละเอียดได้อย่างครบครัน โดยเฉพาะย่านเบสที่ขับออกมาได้แรง กระหึ่มกว่าประเภทอื่น โดยที่ไม่จำเป็นต้องใส่ไดรเวอร์เบสขนาดใหญ่ลงไป นั่นเป็นเพราะด้วยการสวมใส่แบบ In-Ear นั่นเอง ทั้งหมดนี้จึงทำให้เป็นหูฟังที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องการใช้งานมากๆ และเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่ชอบ หูฟัง Earbud
หูฟัง In-Ear แบบมีสาย มีกี่ทรง
ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หูฟัง In-Ear แบบมีสาย หากจะเลือกซื้อก็มีให้เลือกถึง 2 ทรงด้วยกัน โดยแบ่งออกได้ดังนี้
-
ทรงธรรมดา : เป็นทรงธรรมดาหรือก็คือการสวมใส่แบบปกติ สวมใส่หูฟังเข้าหู จากนั้นปล่อยสายยาวลงมาทางด้านหน้าปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หรือก็คือสวมใส่แล้วปล่อยสายไว้แบบเดียวกับหูฟัง Earbud
-
ทรง IEM : และอีกทรงที่แตกต่างออกไปก็คือทรงที่สวมใส่แบบ IEM หรือ In-Ear Monitor ที่ตัวหูฟังจะมาให้รูปทรงที่คล้ายๆ กับหูฟังแบบ Custom ปั้มหู เพียงแต่ในรูปแบบนี้จะมาในรูปสำหรับไม่ได้มากจากโมเดลหูจริงๆ ซึ่งก็เรียกว่าเป็นการออกแบบตามสรีรศาสตร์ หรือเน้นให้เข้ากับรูปช่องหูของทุกคน ข้อดีคือการสวมใส่ที่สบายและกระชับกว่าแบบธรรมดา โดยจะเป็นการสวมใส่แบบคว่ำตัวหูฟังลงและปล่อยสายขึ้นด้านบนเพื่อนำไปอ้อมด้านหลังใบหู ซึ่งตัวสายจะพาดกับใบหูทำให้ช่วยลดการถูกดึงจากสายมาที่ตัวหูฟังซึ่งผลคือการสวมใส่ที่สบายหู รวมถึงไม่รู้สึกว่าตัวหูฟังถูกดึงผ่านจากการเคลื่อนไหวไปมาของสายด้วย
ระหว่างหูฟัง In-Ear และ หูฟัง Earbud แบบไหนเสียงดีกว่ากัน
หากจะให้พูดว่า ระหว่างหูฟัง In-Ear และ หูฟัง Earbud แบบไหนเสียงดีกว่ากัน? ถ้าตอบแบบแฟร์เลยก็คงต้องบอกว่าแล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะชื่นชอบแนวเสียงไปในทางเดียวกัน บางคนชอบเสียงกลาง บางคนชอบแหลมขึ้นสูง และบางคนชอบเบสที่หนักและลงได้ลึก แต่ถ้าจะให้พูดว่าภาพรวมหรือ Overall แบบไหนล่ะที่ให้เสียงที่ครบมากกว่ากัน ตรงนี้ก็จะสามารถตอบได้
-
หูฟัง In-Ear : ด้วยความที่ตัวหูฟังใช้วิธีจ่อท่อเสียงเข้าไปยังรูหูโดยตรง ทำให้ไม่ว่าภายในตัวหูฟังจะประกอบไปด้วยไดรเวอร์เสียงย่านไหน หรือปรับจูนแนวเสียงมาเป็นอย่างไร ทุกย่านเสียงก็จะเข้าสู่รูหูของผู้ฟังทั้งสิ้น ทำให้สามารถรับฟังประสบการณ์เสียงที่ตัวหูฟัง In-Ear มอบให้ได้อย่างครบถ้วนไม่มีผิดพลาด หรือสูญเสียย่านใดไป หรือก็คือพูดได้ว่าฟังสนุกทุกย่านตามแต่ที่ผู้พัฒนาหูฟังจะปรับจูนมา
-
หูฟัง Earbud : เพราะความที่ท่อเสียงเป็นแบบเปิดกว้างและไม่ได้ยัดท่อเสียงเข้าไปในรูหูลึกทำให้เสียงที่ไดเ้มีการสูญเสียบางย่านเสียงออกไปบ้าง ดังนั้นหากเป็นคนที่ชื่นชอบย่านเสียงเฉพาะทาง ไม่ได้ซีเรียสเรื่องย่านเสียงที่สูญเสียไปมากนัก ก็อาจจะพูดได้ว่า หูฟัง Earbud ให้เสียงที่ดี ตอบโจทย์ แต่หากเป็นผู้ใช้งานที่ต้องการฟังย่านเสียงที่ครบถ้วน เต็มอิ่ม ไม่ต้องการสูญเสียย่านใดไปเพราะอาจจะทำให้ภาพรวมของเพลงหรือเสียงต้นฉบับมีความผิดเพี้ยนไป ก็อาจจะบอกได้ว่า หูฟัง Earbud อาจจะไม่ตอบโจทย์นักหรือยังสู้ หูฟัง In-Ear ไม่ได้
ทำไมหูฟัง In-Ear ถึงมีเสียงย่าน Bass ที่ดีกว่า หูฟัง Earbud
ด้วยความที่หูฟัง In-Ear นั้นมีข้อดีคือการที่ไม่สูญเสียย่านเสียงใดๆ ไประหว่างทางที่เสียงเดินทางเข้าสู่รูหู ด้วยจุดเด่นอย่างการที่ท่อเสียงจ่ออยู่บริเวณรูหูพอดี ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเสียงย่านใดก็ตามทั้ง ย่านกลาง ย่านสูง หรือย่านเบส ก็สามารถรับฟังได้เต็มคุณภาพ ในขณะเดียวกันหูฟัง Earbud นั้นด้วยความที่ท่อเสียงอยู่ห่างจากรูหูและการขับเสียงยังเป็นการเปิด เสียงกระจายออก นั่นจึงทำให้เสียงที่ได้นั้นมีการสูญเสียรายละเอียดเสียงต่างๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะย่านเบสที่เนื้อเสียงจะหนัก และเน้นลงลึกมากกว่าลอยขึ้นแบบย่านอื่นๆ จึงทำให้เป็นย่านเสียงที่ไม่เข้ารูหูมากที่สุดเมื่อฟังจากหูฟัง Earbud และนั่นทำให้ หูฟัง In-Ear มีเสียงย่าน Bass ที่ดีกว่า หูฟัง Earbud จนในวงการนักฟังเพลงเป็นที่รู้กันว่า หากอยากได้หูฟังเบสหนักๆ ขอให้หูฟัง Earbud เป็นตัวเลือกอันดับท้ายๆ จะดีที่สุด
วิธีการเลือกซื้อ หูฟัง In-Ear
การเลือกซื้อ หูฟัง In-Ear ก็ใช้หลักเกณฑ์ที่ไม่ต่างจากหูฟังประเภทอื่นๆ มากนัก ด้วยการใช้งานและจุดประสงค์ที่ผู้ใช้งานต้องการได้รับจากตัวหูฟังมักจะไม่ต่างกันมาก ทำให้หากกำลังมองหาหูฟัง In-Ear ดีๆ ตอบโจทย์การใช้งานที่ครบครันสักตัว ข้อควรคำนึงจึงมีดังนี้
-
1. การสวมใส่ : แน่นอนว่า หูฟัง In-Ear จะต้องใช้การสวมใส่แบบสอดจุกซิลิโคนเข้าไปในหูฟัง และเมื่อการสอดเข้าไปก็จะต้องมาพนร้อมความอึดอัด ระคายช่องหูเป็นเรื่องปกติ รวมถึงในเรื่องของการทำให้รู้สึกว่าหูถูกอุดหรือหูอื้อ แม้ในหูฟังบางรุ่นจะมีเทคโนโลยีระบายความดันภายในออกทำให้แม้สวมใส่ไปแล้วก็ไม่รู้สึกว่าถูกอุดหู แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีจุกซิลิโคนอยู่ภายในหูอยู่ดี ดังนั้นก่อนซื้อจึงควรพิจารณาให้แน่ใจว่าจะรับได้กับการที่ต้องใส่หูฟังแบบสอดเข้าไปในหู
-
2. เสียงที่ได้รับ : หากเป็นคนที่ซีเรียสในเรื่องของการฟังเพลง และเสียงต่างๆ ที่ต้องการได้ยินครบถ้วนทุกย่าน ไม่มีการสูญเสียย่านเสียงโดยเฉพาะบ่านเบส หรือความผิดเพี้ยนของเสียงที่ได้รับจากระยะทางของท่อเสียงมาถึงรูหู ก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของ หูฟัง In-Ear ได้เลยไม่มีปัญหา เพราะหากไปซื้อหูฟัง Earbud นั้นรับรองว่าไม่ตอบโจทย์อย่าางแน่นอน
-
3. ราคา : ควรคำนึงถึงราคา แนวเสียงที่ได้ และงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหูฟังแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็มีแนวเสียงเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน นั่นหมายความว่าแม้จะมีราคาสูงแต่แนวเสียงที่ได้ก็อาจโดดเด่นไปในด้านใดด้านหนึ่งตามคาแรคเตอร์ของหูฟัง ในขณะที่บางรุ่นแม้ราคาจะเบากว่าแต่แนวเสียงที่หูฟังตัวนั้นให้อาจจะไม่ได้เน้นไปย่านใดย่านหนึ่งหรือคือให้ภาพรวมที่ฟังสนุกทุกย่าน ซึ่งก็อาจจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วๆ ไปมากกว่า ดังนั้นทางที่ดีจึงควรเลือกซื้อหูฟังที่พอดีกับงบประมาณที่มีจะดีที่สุด
หูฟัง In-Ear ทรงสอดหูทั่วไป เหมาะสำหรับใคร
จากข้อมูลทั้งหมดก็สามารถสรุปได้ว่า หูฟัง In-Ear ทรงสอดหูทั่วไป เหมาะกับคนที่ไม่ติดในการสวมใส่หูฟังแบบสอดเข้าไปในหู ที่อาจจะสร้างความรำคาญ อึดอัด หรือถูกอุดหูอยู่บ้าง และผู้ที่ชื่นชอบการสวมใส่หูฟังที่กระชับ ไม่หลุดหรือเคลื่อนได้ง่าย ด้วยการสวมใส่แบบสอดหูที่ทำให้ตัวหูฟังแน่นกระชับกับรูหูกว่าหูฟังประเภทอื่นๆ รวมถึงผู้ที่ไม่ชอบการฟังเพลงจากหูฟังที่สูญเสียย่านเสียงบางย่านออกไป ทำให้ภาพรวมเสียงที่ได้อาจแตกต่างไปจากต้นฉบับเสียง โดยเฉพาะย่านเบสที่ผู้ที่ชื่นชอบ หูฟังเบสหนัก อาจจะกังวลเป็นพิเศษก็บอกได้ว่า หูฟัง In-Ear ทรงสอดหู นั้นจะไม่ทำให้ผิดหวัง
แนะนำ หูฟัง In-Ear ทรงสอดหูทั่วไป
ในขณะนี้มี หูฟัง In-Ear ทรงสอดหูทั่วไป ให้เลือกมากมายหลายรุ่น หลายแบรนด์ และหลายราคา โดยรุ่นเด่นๆ ในตลาดก็มีให้เลือกหลายรุ่น และหลายราคา ซึ่งหากจะให้ทาง Mercular.com แนะนำก็จะมีรุ่นต่างๆ ให้เลือกดังนี้
หูฟัง Marshall Mode EQ In-Ear Headphone
หูฟัง Westone W80 In-Ear
หูฟัง Shure AONIC 5 In-Ear
หูฟัง FiiO FA9 In-Ear
หูฟัง Sony IER-H500A In-Ear
หูฟัง KZ ASX In-Ear