ทำความรู้จักกับ Spatial Audio คืออะไร?

10 พ.ย. 2565

ทำความรู้จักกับ Spatial Audio คืออะไร?

ปฏิเสธไปไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดยั้งในปัจจุบันนั้น ได้นำพาสิ่งใหม่ๆ มากมายมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กันอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาด Smartphone ที่ยิ่งวันเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีขนาดที่เล็กลงแต่ในขณะเดียวกันกลับอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานและความสามารถที่มากขึ้น เรื่องของจอภาพแสดงผลที่จากยุคแรกๆ ใช้การแสดงผลแบบขาวดำ มาเป็นจอภาพแบบ LCD, LED และล่าสุดกับจอภาพแบบ OLED ที่สามารถแสดงผลภาพได้คมชัด ให้สีสันที่มีความสวยงาม สมจริง มาพร้อมรีเฟรชเรทที่สูงมากๆ ไปจนถึงหน้าจอแสดงผลที่สามารถพับได้โดยที่ไม่ทำให้จอเกิดการเสียหายแบบใน Smartphone หลายๆ รุ่นในปัจจุบัน และนอกจากเทคโนโลยีที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว เรื่องเทคโนโลยีของเสียงก็เป็นอีกสิ่งที่พัฒนาไปไกล โดยเฉพาะระบบเสียงงรอบทิศทางจากจุดเริ่มต้นที่มีเฉพาะเสียงแบบ Stereo และตามมาด้วยระบบเสียงแบบ Surround สมจริงเช่น 5.1, 7.1, 9.1 และ 5.1.4 ที่มีการยิงเสียงขึ้นบนเพดานเพื่อความสมจริง เป็นต้น โดยการจะรับประสบการณ์เสียงเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีลำโพงหลายชิ้น และจัดวางในทิศทางที่แตกต่างกันออกไปเพื่อให้ตัวลำโพงขับเสียงได้ตามทิศทางที่ถูกต้องเพื่อสมจริงมากที่สุดนั่นเอง ซึ่งล่าสุดการจะรับฟังประสบการณ์เสียงรอบทิศทางนั้นถูกพัฒนาไปไกลจนไม่ได้หยุดอยู่แค่การฟังจากลำโพงเท่านั้น แต่ถูกพัฒนามาให้สามารถรับฟังเสียงจากรอบทิศทางที่มีความสมจริงได้จากหูฟังด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Spatial Audio ที่รองรับทั้งการฟังเพลงและการรับชมภาพยนตร์ด้วยนั่นเอง


และในครั้งนี้เพื่อเป็นการเอาใจผู้ที่สนใจในเรื่องของ Spatial Audio ที่ยังไม่เคยใช้งาน Spatial Audio หรืออาจจะเคยใช้งานมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว Spatial Audio มีระบบการทำงานยังไง รวมถึงผู้ที่ยังไม่แน่ใจในเรื่องของเทคโนโลยี ในครั้งนี้ mercular.com ก็ได้รวบรวมข้อมูล ทำความรู้จักกับ Spatial Audio คืออะไร มาแนะนำกันในบทความนี้แล้ว โดย Spatial Audio จะน่าสนใจแค่ไหน มีจุดเด่นอย่างไร รวมถึงทำอะไรได้บ้างและพิเศษกว่าระบบเสียงทั่วๆ ไปมากแค่ไหนนั้น เราไปดูกันเลยครับ

Spatial Audio คืออะไร?

Spatial Audio คืออะไร?

เมื่อพูดถึงระบบเสียง Spatial Audio หากจะให้อธิบายง่ายหรือแปลเป็นภาษาไทยนั้น Spatial Audio ก็คือ “ระบบเสียงตามทิศทางและตำแหน่ง” โดยเป็นระบบเสียงที่คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท IT ยักษ์ใหญ่อย่าง Apple เจ้าของเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหูฟัง True Wireless เปลี่ยนโลกอย่าง Apple AirPods และเป็นบริษัทที่ย่อเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนให้มาอยู่ในหูฟัง True Wireless ตัวเล็กๆ อย่าง Apple AirPods Pro จนได้รับความนิยมสูงเป็นเบอร์ต้นๆ แบบเดียวกับ Apple AirPods นั่นเอง โดยทาง Apple พัฒนาระบบเสียง Spatial Audio ก็เพื่อมอบประสบการณ์เสียงที่มีความสมจริงและแตกต่างจากระบบเสียง Stereo ทั่วๆ ไป ที่ให้มิติเสียงแค่ซ้าย-ขวาเท่านั้น ให้กลายเป็นเสียงจากรอบทิศทาง ซ้าย-หลังซ้าย-บน-หลังขวา-ขวา หรือก็คือการสร้างพื้นที่เสียง 3 มิติที่จะทำให้รู้สึกได้ถึงระบบเสียงรอบทิศทางที่จะมาทั้งด้านหน้าด้านหลังด้านซ้ายและด้านขวาเหมือนกับการรับฟังคุณภาพเสียงจากโรงภาพยนตร์ โดยไม่จำเป็นต้องฟังผ่านลำโพง Surround ที่วางแยกชิ้นออกจากกัน โดยแรกเริ่มนั้นเทคโนโลยีนี้เปิดตัวมาให้ใช้งานกับหูฟังของ Apple เมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple เช่น iPhone, iPad, MacBook เป็นต้อน ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานร่วมกับหูฟังจากแบรนด์อื่นๆ เมื่อใช้กับอุปกรณ์ของ Apple ในเวลาต่อมา และแพร่หลายไปยังแอปสำหรับฟังเพลงและรับชมภาพยนตร์จากค่ายอื่นๆ ในปัจจุบันนั่นเอง

Spatial Audio ทำงานอย่างไร?

Spatial Audio ทำงานอย่างไร?

สำหรับหลักการทำงานของ Spatial Audio นั้นไม่ได้มีความซับซ้อนมากมายเท่าไหร่นัก โดยหลักๆ จะเป็นการนำเอาระบบเสียงรอบทิศทางเช่น Surround 5.1, 7.1 และ 9.1 มาย่อส่วนและทำงานร่วมกับเซนเซอร์แบบพิเศษ เช่น Gyroscope และ Accelerometer ที่ทาง Apple ใส่เอาไว้ในหูฟัง AirPods ของตนเอง โดยเซนเซอร์เหล่านี้ดั้งเดิมคือถูกใช้ในการตรวจจับการเคลื่อนที่ของศีรษะ เช่น การหันหน้าไปในทิศทางต่างๆ ไปจนการขยับตำแหน่งของศีรษะ ที่เรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ย่อมมีการเคลื่อนไหวศีรษะและขยับไปมาเป็นปกติอยู่แล้ว จากนั้นจึงแปลงเอาสัญญาณเสียงรอบทิศทางที่กล่าวไปข้างต้นนำมาประมวลผลร่วมกับฟิลเตอร์เสียงที่เรียกว่า HRTF (Head-Related Transfer Function) หรือหลายๆ คนเรียกเทคนิคนี้ว่า Binaural Rendering หรือก็คือ “การจัดวางใหม่แบบปรับความถี่จำเพาะของเสียง” จากนั้นจึงส่งไปยังหูของผู้ฟังทั้ง 2 ข้าง โดยผู้ฟังนอกจากจะได้ระบบเสียงที่มีความสมจริงอย่าง Surround 5.1 และอื่นๆ แล้วยังได้รับประสบการณ์การฟังเพิ่มเติมคือได้รู้สึกถึงแหล่งกำเนิดเสียงว่ามาจากระยะใดและมีทิศทางแตกต่างกันออกไปอย่างไรด้วยเทคโนโลยี Spatial Audio อีกด้วย


โดยการอธิบาย Spatial Audio ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหากผู้ใช้งานกำลังนั่งดูหนังใน iPhone, iPad ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้า ฉากสนทนาปกติเสียงของนักแสดงจะอยู่ตรงกลางด้านหน้าผู้ใช้งานพอดี และเมื่อหันศีรษะไปทางซ้ายเสียงพูดของนักแสดงในหนังจะเปลี่ยนมาอยู่ที่หูฟังด้านขวา กลับกันพอหันศีรษะไปทางขวาเสียงพูดของนักแสดงในหนังจะเปลี่ยนมาอยู่ที่หูฟังด้านซ้าย หมายความว่าจุดกำเนิดเสียงคือนักแสดงที่กำลังพูดจะอยู่ตำแหน่งเดิมเสมอ ช่วยเพิ่มมิติความสมจริงให้กับเสียงที่ได้ยินในหูฟังนั่นเอง

อุปกรณ์ใดบ้างที่รองรับ Spatial Audio

อุปกรณ์ใดบ้างที่รองรับ Spatial Audio

เทคโนโลยี Spatial Audio จะถูกเปิดให้ใช้งานบนอุปกรณ์ของ Apple ที่ใช้ OS รุ่นใหม่ล่าสุดหรือก็คือถ้าเป็นบน iPhone และ iPad ก็จะใช้งานได้ตั้งแต่ iOS 14 และ iPad OS 14 เป็นต้นไป โดยจำเป็นต้องใช้งานร่วมกับหูฟังจาก Apple เช่น Apple AirPods Pro, AirPods Pro 2, AirPods Generation 3 และ AirPods Max เท่านั้น ถึงจะใช้งานระบบเสียง Spartial Audio ที่เสียงจะขยับไปตามการเคลื่อนไหวของศีรษะได้ หากใช้ร่วมกับหูฟังแบรนด์อื่นๆ ก็จะได้เฉพาะเสียงรอบทิศทางเช่น Dolby Atmos เท่านั้น โดยมีแอปที่รองรับระบบเสียง Spartial Audio เมื่อใช้งานบนอุปกรณ์ Apple ที่มี OS ที่รองรับและหูฟังของ Apple ที่ีรองรับอยู่มากมายในปัจจุบัน ดังนี้ครับ


  • Apple Music
  • Apple TV+
  • Netflix
  • Amazon Prime
  • Disney+ hotstar
  • HBO Go
  • และอื่นๆ


เป็นยังไงกันบ้างครับกับ ทำความรู้จักกับ Spatial Audio คืออะไร ที่ mercular.com ได้นำมาแนะนำกันในครั้งนี้ โดยจะเห็นได้ว่า Spatial Audio เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนโลกอีกครั้งจากแบรนด์ Apple โดยให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะถูกย่อให้อยู่ภายในอุปกรณ์เล็กๆ ได้ จากเดิมที่การฟังเสีย Surround ต่างๆ ต้องฟังผ่านลำโพงชุดหรือลำโพง Home Theatre ก็สามารถรับประสบการณ์แบบเดียวกันได้ผ่านหูฟังที่มีขนาดเล็กกว่ามากนั่นเอง เรียกได้ว่าเปลี่ยนประสบการณ์การดูหนัง และฟังเพลงให้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว


และสำหรับครั้งนี้ mercular.com ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลนี้จะช่วยผู้อ่านได้เข้าใจว่า Spatial Audio คืออะไร ได้ไม่มากก็น้อยครับ และในครั้งหน้าหากมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์อีกก็จะรีบนำมาแนะนำกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ

article-banner-1
article-banner-2