ข้อต่อควรรู้สำหรับมือใหม่

29 พ.ค. 2560

ข้อต่อควรรู้สำหรับมือใหม่

ปัญหาที่นักฟังเพลงหรือเล่นเครื่องเสียงมือใหม่ส่วนใหญ่คือ ในหลายๆครั้งซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียงมาหลายชิ้นแต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะต่อกันยังไง ต้องซื้อสายหัวแบบไหนที่จะทำให้ใช้ด้วยกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อชุดเครื่องเสียงกับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆเช่น Smart TV ที่หลายๆท่านถามเข้ามามากว่าต้องซื้อเครื่องเสียงที่มีช่องแบบไหน ถึงจะสามารถต่อกับ TV ได้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเลือกซื้อได้ดีขึ้นนั่นก็คือ การรู้ช่องเชื่อมต่อต่างๆ ว่าแต่ละอันมีชื่อเรียกว่าอะไร และหน้าตาเป็นยังไง ก็จะช่วยให้เราคุยกับร้านค้า หรือพนักงานขายและเลือกสินค้าได้ดียิ่งขึ้น ทาง Mercular.com จึงรวบรวมข้อต่อที่เรามักจะได้ใช้บ่อยๆ มาให้ดูกันครับ

AUX หรือ 3.5mm

audio connector สาย AUX

นับว่าเป็นช่องการเชื่อมต่อที่พบเห็นได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในสมาร์ทโฟน, เครื่องเล่นเพลง, โน๊ตบุ๊ค และเครื่องเสียงทั่วไป เรียกได้ว่าอุปกรณ์ไหนที่สามารถส่งเสียงได้ส่วนใหญ่มักจะมีช่อง AUX ให้ต่อได้นั่นเอง โดย AUX นั้นย่อมาจาก Auxilliary input ซึ่งถือว่าเป็นพอร์ตหรือช่องการเชื่อมต่อพื้นฐาน โดยหัวต่อที่ใช้กับช่องประเภทนี้ก็คือ แจ๊คหรือหัวเสียบที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 มิลลิเมตร หรือ แจ๊คหูฟังทั่วไปนั่นเอง ข้อดีของพอร์ตนี้คือใช้ง่าย ไม่ยุ่งยากเสียบสายเดียวเสียงออกเลย แต่ข้อเสียคือคุณภาพของเสียงจะสู้ข้อต่อแบบอื่นๆไม่ได้ในราคาที่เท่ากัน 

RCA

audio connector สาย RCA

เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อพื้นฐานสำหรับเครื่องเสียงเช่นเดียวกับ RCA โดยจุดเด่นของการเชื่อมต่อแบบ RCA ก็คือจะใช้สาย 2 เส้น โดยเส้นนึงจะเป็นสีแดง และอีกเส้นจะเป็นสีขาว ที่สาย RCA ต้องต่อ 2 เส้นเพราะแต่ละเส้นจะส่งสัญญาณแยกกันระหว่างสัญญาณเสียงด้านซ้าย และสัญญาณเสียงด้านขวา ซึ่งการเชื่อมต่อก็ง่ายๆครับ เอาหัวสีแดงต่อกับช่องสีแดง หัวขาวต่อช่องขวา การเชื่อมต่อแบบนี้จะยุ่งยากกว่า AUX เล็กน้อยแต่จะให้เสียงทีดีกว่าครับ

6.3mm

audio connector สาย 6.3 mm

เป็นหัวแจ๊คใหญ่ครับ มักจะหัวที่พวกนักดนตรี โปรดิวเซอร์ รวมไปถึง ดีเจมักจะชอบใช้กันครับ โดยตัวแจ๊คจะลักษณะเป็นแท่งๆคล้าย AUX แต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าพอสมควร โดยเส้นผ่านศูนย์กลางจะอยู่ที่ 6.3 mm ซึ่งสำหรับนักฟังเพลง หูฟัง Headphone บางตัว รวมไปถึง DAC/Amp, Amp ขนาดกลางถึงใหญ่ก็มีช่องต่อเป็น 6.3 mm แทน AUX ครับ ดังนั้นเวลาซื้ออาจจะต้องดูด้วยว่ามันต่อกันได้ไหม ถ้าไม่ได้อาจจะต้องซื้อ Adapter มาเปลี่ยนเป็น 3.5 mm อีกทีครับ

Micro USB

audio connector สาย micro USB

ป็นอีกหนึ่งการเชื่อมต่อที่เรารู้จักกันดี โดยเฉพาะคนที่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน Android ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ USB C ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Huawei, LG, Xiaomi ก็ล้วนใช้การเชื่อมต่อแบบ Micro USB ในการชาร์จโทรศัพท์ทั้งนั้น การเชื่อมต่อแบบนี้ยังใช้กันอย่างแพร่หลายใน DAC/Amp พกพาอีกด้วย ทั้งต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือมือถือผ่านสาย OTG โดยเวลาเสียบนั้นจะต้องพลิ้กให้ถูกด้านถึงจะเสียบได้ ทำให้เกิดความลำบากในการใช้งานในบางครั้ง  

Lightning

audio connector สาย Lightning

ไม่ต้องพูดมากสำหรับคนที่ใช้ Apple หรือ iOS Lightning เป็นการเชื่อมต่อที่มีจุดเด่นคล้ายๆกับ USB C นั่นก็คือพลิ้กด้านไปก็เสียบได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังเป็นข้อต่อเดียวที่ iPhone มีอยู่ โดยหลักจากที่ iPhone ตัดช่อง AUX ออกก็ทำให้หูฟังหลายๆค่าย มีหัวต่อเป็น Lighining ออกมาเพื่อใช้ต่อกับ iPhone รุ่นใหม่โดยเฉพาะเลยทีเดียว

Coaxial

audio connector สาย Coaxial

ถือเป็นสายสัญญาณที่มีมานาน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวนำสัญญาณ หรือฉนวน ซึ่งถือว่าเป็นสายสัญญาณที่ให้คุณภาพเสียงดีเยี่ยมทีเดียว โดยจริงๆแล้ว สาย Coaxial จะสามารถเข้าหัวเพื่อเชื่อมต่อได้หลายแบบ แต่ที่นิยมในปัจจุบันนั้นจะเป็นแบบ RCA หัวเดียว และส่วนมากช่องต่อจะเป็นสีเหลือง หรือสีดำที่มีชื่อระบุไว้ครับ

USB-A

audio connector สาย USB-A

ก็คือหัวที่อยู่ในสาย USB ทั่วไปที่เราใช้กันนั่นแหละครับ ชื่อเต็มๆของมันคือ USB แบบ Standard A นั่นเอง เป็นสายที่ส่งสัญญาณดิจิตอล ที่ใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ DACDAC/Amp รวมไปถึง Soundcard ที่ต่อกับคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ค แม้กระทั่งต่อ Adapter เพื่อชาร์ตไฟมือถือนั่นเอง

USB-C

audio connector สาย USB-C

เป็นการเชื่อมต่อแบบใหม่ โดยมีจุดเด่นที่ดีกว่า Micro USB ก็คือไม่ว่าจะพลิกด้านไหนก็สามารถเสียบได้ สามารถใช้งานได้สะดวกกว่า คล่องตัวกว่า จะเห็นว่าโทรศัพท์ Android รุ่นใหม่ๆ เริ่มเปลี่ยนมาใช้ USB C แทน Micro USB เพราะนอกจากจะเสียบง่ายกว่าแล้ว ยังทำให้ชาร์ตไฟได้เร็วกว่าด้วย

Optical

audio connector สาย Opical

เป็นอีกหนึ่งข้อต่อที่เจอกันอย่างแพร่หลายในวงการเครื่องเสียง และ Smart TV ในรุ่นหลังๆ หัวต่อแบบ Optical ถือเป็นหัวต่อที่ค่อนข้างดีในเรื่องของการนำสัญญาณดิจิตอล โดยหัวประเภทนี้จะใช้กับสายที่เป็นใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) ที่ส่งสัญญาณได้ดีกว่าข้อต่อทั่วไป และ DAC หรือ DAC-Amp ส่วนใหญ่ก็มักจะรองรับการเชื่อมต่อนี้ครับ โดยช่องการเชื่อมต่อ Optical นี้จุดเด่นเลยก็คือจะมีแผ่นพลาสติกปิดช่องอยู่ ตอนเสียบจะใช้หัว Optical ดันเข้าไปครับ

HDMI

audio connector สาย HDMI

เป็นการเชื่อมต่อที่เรียกว่าไม่พูดถึงไม่ได้เลย โดยเฉพาะคอหนังที่ชอบต่อจากโน๊ตบุ๊ค, กล่องดูหนังต่างๆ มายัง Smart TV จอใหญ่ๆเพื่อให้ดูหนังได้อรรถรสยิ่งขึ้น โดยเข้า HDMI นี้จุดเด่นจะอยู่ที่สามารถส่งได้ทั้งสัญญาณภาพและเสียงในเส้นเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน และยังมีการพัฒนาความสามารถในการส่งข้อมูลให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย นับว่าเป็นอีกการเชื่อมต่อนึงที่ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับการเชื่อมต่อในแบบต่างๆ หวังว่าจะช่วยนักฟังเพลงมือใหม่ให้เลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆเข้าชุด รวมไปถึงการซื้อสายสัญญาณได้ดียิ่งขึ้นนะครับ หากใครมีข้อต่อแบบไหนที่อยากแนะนำ หรืออยากแชร์มาเม้นกันได้เลยครับ 

article-banner-1
article-banner-2