หูฟัง Marshall Motif II A.N.C. True Wireless

หูฟังระดับท็อปจาก Marshall กลับมาแล้ว กับหูฟัง Marshall Motif II A.N.C. True Wireless หูฟังทรง In-Ear ที่เน้นด้านคุณภาพเสียงโดยเฉพาะ กลับมาคราวนี้ได้พัฒนาทุกอย่างให้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยคือแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นกว่าเดิมกว่า 10 ชั่วโมง, ย้ายไมโครโฟนมาที่ปลายก้านเพื่อการรับเสียงที่ดีกว่าเคยและพัฒนาระบบการตัดเสียงรบกวนให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยยังคงความสบายในการสวมใส่อยู่ พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Spotify tap เปิดฟังเพลงจาก Spotify ได้ทันทีและยังรองรับ Bluetooth LE Audio อีกด้วย จะมีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมอีก ไปดูกันเลยครับ

ประสบการณ์ฟังเพลงเหมือนยืนชิดติดขอบเวทีด้วย Motif II A.N.C

ดีไซน์และการสวมใส่

สำหรับดีไซน์ของเจ้า Motif II A.N.C. ตัวนี้จะมีลักษณะคล้ายกับรุ่นก่อนหน้าเลยโดยมีเปลี่ยนแค่รายละเอียดเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น เป็นหูฟัง In-Ear ก้านยาวที่มีลวดลายตรงก้านและตรงปลายก้านจะมีแผ่นทองเหลืองที่เป็นตำแหน่งของไมโครโฟน ดีไซน์โดยรวมต้องบอกเลยว่าเท่สุด ๆ ดูเรียบหรูแสดงความเป็น Marshall ได้อย่างดีเยี่ยม ในส่วนของตัวเคสจะให้สัมผัสคล้าย ๆ หนัง จับแล้วรู้สึกถึงความแข็งแกร่งพร้อมลุยมาก ๆ ใส่กระเป๋าได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะถลอกหรือเป็นรอย และสำหรับความรู้สึกตอนสวมใส่ก็บอกเลยว่าใส่สบายมาก ๆ กระชับเข้ากับหูได้เป็นอย่างดี ใส่ฟังเพลงขณะวิ่งหรือสะบัดศีรษะแรง ๆ ก็ไม่หลุดง่าย ๆ แถมมีจุกหูฟังมาให้เลือกด้วยกันถึง 3 ขนาด (S, M, L) เลือกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะของช่องหูเราได้เลย

การเชื่อมต่อ

ในส่วนของการเชื่อมต่อเจ้า Motif II A.N.C. จะมีการเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.3 LE ทำให้สามารถรองรับ Codec อย่าง LC3 จากการได้ลองใช้งาน การเชื่อมต่อนั้นลื่นไหลมาก เปิดปุ๊ป เชื่อมติดปั๊บ ไม่ยุ่งยากสมกับเป็น BT 5.3 แต่แอบมีความหน่วงเล็กน้อยขณะดูคลิปวิดีโอและเล่นเกม ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานมาก และระบบ Ear Detect ที่มีนั้นสะดวกมาก ๆ ถอดหูฟังแล้วหยุดเพลงให้เลย พอใส่ใหม่ก็เล่นเพลงต่อให้ทันที

วิธีการเปิดโหมด Pairing 

• 1. เปิดฝาตัวเคสไว้จากนั้นกดปุ่มตรงกลางค้างไว้จนกว่าไฟสีฟ้าจะกระพริบขึ้นมา
• 2. เลือก MOTIF II A.N.C. ในตั้งค่า Bluetooth ในอุปกรณ์ของคุณ
• 3. อย่าลืมดาวน์โหลดแอป Marshall Bluetooth app เพื่อการใช้งานฟังก์ชันของตัวหูฟังแบบครบครัน

การควบคุม

สำหรับการควบคุมของเจ้าหูฟัง Motif II A.N.C. นั้นทำได้ผ่านการสัมผัสตรงโลโก้ที่ตัวหูฟังได้ทันที ซึ่งต้องบอกเลยว่าการควบคุมตรงหูฟังนั้นทำออกมาได้ดีมาก ควบคุมได้แม่นยำตามสั่ง กดติดเสมอ และไม่ลั่นหรือควบคุมพลาดเลย โดยการควบคุมนั้นสามารถตั้งค่าตามความถนัดของเราได้ผ่านแอป Marshall Bluetooth app เลย โดยการควบคุมของเจ้า Motif II A.N.C. มีดังนี้

• แตะ เพื่อเล่น / หยุดเพลง
• แตะสองครั้ง เพื่อข้ามเพลงไปข้างหน้า / รับสาย/วางสาย
• แตะสามครั้ง เพื่อย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้า
• แตะค้างไว้ เพื่อสลับโหมด ANC / Transparency
• แตะสองครั้งและแตะค้างไว้ เพื่อใช้งาน Spotify Tap เล่นเพลงจาก Spotify ทันที

การใช้งาน

จากการได้ลองใช้งานเจ้า Motif II A.N.C. มาสิ่งที่รู้สึกได้อย่างแรกเลยคือความสบายขณะสวมใส่ครับ เอาไปใส่ออกกำลังกายได้สบาย ๆ เพราะตัวหูฟังกันเหงื่อระดับ IPX5 ส่วนตัวเคสกันละอองน้ำระดับ IPX4 พกใส่กระเป๋ากางเกงไปวิ่งได้โดยไม่ต้องกังวลเลยครับ ในส่วนของแบตเตอรี่ก็ต้องบอกว่าอึดใช้ได้จากการลองใช้สลับไปมาระหว่างตัดเสียงรบกวนและไม่ตัดเสียงรบกวนตลอดทั้งวันก็ยังใช้งานได้อยู่โดยไม่ต้องชาร์จเพิ่ม ซึ่งตัวแบตเตอรี่ของหูฟังสามารถอยู่ได้สูงสุดถึง 9 ชั่วโมงและชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 43 ชั่วโมง (ไม่เปิด ANC) ก็บอกได้ว่าไม่เกินจริงเลยล่ะครับ ตัวหูฟังใช้โทรสายคุยได้ชัดเจนมาก ๆ ด้วยการที่มีไมค์อยู่ปลายก้านของหูฟังทำให้สามารถรับเสียงได้อย่างแม่นยำ ในส่วนของการตัดเสียงรบกวน ANC นั้นทำได้อยู่ในระดับที่ดี สามารถตัดเสียงรบกวนขณะเดินริมถนนได้ราว ๆ 75-80 เปอร์เซ็น ยังคงมีเสียงรถ เสียงถนนแทรกเข้ามาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่ได้ถึงขั้นกวนอรรถรสการฟังเพลง

แอปพลิเคชั่น Marshall Bluetooth app

ด้วยแอปอเนกประสงค์จาก Marshall นี้ทำให้คุณสามารถตั้งค่าการใช้งานเจ้าหูฟัง Motif II A.N.C. นี้ได้อย่างอิสระ ปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานของคุณได้เต็มที่ โดยมีการตั้งค่าระดับการตัดเสียงรบกวนและโหมด Transparency อย่างละ 3 ระดับ (Low, Medium, High), การตั้งค่า EQ ของตัวหูฟัง, การตั้งค่าการควบคุมระบบสัมผัส และสามารถตั้งค่าการถนอมแบตเตอรี่ได้ 4 ระดับ (None, Standard, Medium, Max) โดยจะกำหนดอุณหภูมิขณะชาร์จและความเร็วในการชาร์จเพื่อให้หูฟังตัวนี้อยู่กับเราได้นานกว่าเคย รวมถึงคอยอัปเดต software ของอุปกรณ์ของเราให้เป็นตัวล่าสุดอยู่เสมอด้วย

รีวิวเสียง

ทางด้านสเปกเสียงของเจ้า Motif II A.N.C. ตัวนี้จะมีกำลังขับเสียงมาจากไดร์เวอร์ Dynamic ขนาด 6 มม. ตอบสนองต่อคลื่นความถี่ตั้งแต่ 20 - 20,000 Hz เนื้อเสียงโดยรวมนั้นจะมีความคล้ายกับ Motif รุ่นแรกแต่จะมีโทนอุ่นเล็กน้อย มีความคมชัด จัดจ้านตามแบบฉบับ Marshall และรายละเอียดโดยรวมมากกว่า มีรายละเอียดเสียงดังนี้

เสียงกลาง: เสียงร้องมีความหนาปานกลาง ฉ่ำ และคมชัดมาก ได้ยินคำร้องชัดเจนทุกคำ เมื่อฟังไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่าจะติดแหลมอยู่เล็กน้อย

เสียงสูง: บอกได้ว่าเป็นย่านเสียงที่โดดเด่นมาก ๆ ให้โทนอุ่นเหมือนเสียงกลาง มอบปลายเสียงที่ทอดยาวเป็นประกาย มีรายละเอียดเสียงที่คมชัดมาก แต่ไม่ได้มากเกินไปจนเสียดหู 

เสียงเบส: สำหรับเบสนี่แน่นชัด มีหัวโน๊ตที่ชัดเจน แรงปะทะดีตามสไตล์ Marshall เบสลูกใหญ่ ฟังสนุก ปลายเบสก็เก็บได้ดี แต่ Mid Bass นั้นไม่แน่นมาก ทำให้การเดินเสียงของเมโลดี้เบสเลยไม่ค่อยดี เพราะน้ำหนักมันจะใกล้ๆกันไปหมด 

เวทีเสียง: มีขนาดเวทีเสียงที่กว้างออกได้ดี อิมเมจชิ้นดนตรีนั้นมีขนาดที่กำลังเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่จนอึดอัด แต่มิติเสียงที่ให้นั้นค่อนข้างแคบ ไม่ลึกเท่าไหร่ ที่สัมผัสได้ชัดเจนเลยคือเสียงร้องและเสียงเบสค่อนข้างใกล้ชิดกันมาก

แนวเพลงที่เหมาะสม: Pop-Rock / Rock / Blue / Hip-Hop 

สรุป หูฟัง Marshall Motif II A.N.C. True Wireless เหมาะกับใคร

สำหรับ หูฟัง Marshall Motif II A.N.C. True Wireless ก็ต้องบอกเลยว่านี่เป็นหูฟังสำหรับคนรักเสียงเพลงจริง ๆ เลยครับด้วยการออกแบบตามคอนเซ็ปต์ Front Row Sound คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมเหมือนได้ฟังอยู่ในคอนเสิร์ตเลยทีเดียว มาในรูปทรง In-Ear เพื่อการขับเสียงแบบเต็มที่ ซึ่งใครที่กังวลว่าจะอึดอัดหูรึเปล่าก็ต้องบอกเลยครับว่าทำออกมาให้ใส่ได้สบายมาก ๆ ไม่อึดอัด ไม่หลุดง่าย ๆ แถมยังมาพร้อมกับจุกหูฟังอีก 3 ขนาด จึงบอกได้เลยว่าหายห่วงครับ มอบคุณภาพเสียงที่คมชัด เบสแน่นตามสไตล์ Marshall จึงเหมาะผู้ที่ชื่นชอบเสียงแบบจัดจ้าน ฟังสนุก มาพร้อมกับดีไซน์เท่สุด ๆ ใส่ออกไปไหนก็ดูดี พกพาได้ง่าย ไม่ต้องดูแลมากเพราะแข็งแกร่งสุด ๆ แถมมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่อยู่ได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ใครที่ใจมีความร็อคและกำลังตามหาหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนที่พร้อมลุยกับคุณทุกที่ให้เสียงเหมือนกับได้ฟังชิดติดขอบเวทีอยู่ล่ะก็ หูฟัง Marshall Motif II A.N.C. True Wireless ตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยล่ะครับ

• หูฟัง Marshall Minor III True Wireless
• หูฟัง Bose QuietComfort Earbuds II True Wireless
• หูฟัง Devialet Gemini True Wireless