รีวิว 7 อันดับ ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี เสียงดี คุ้มค่า ปี 2024

1 มี.ค. 2567

รีวิว 7 อันดับ ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี เสียงดี คุ้มค่า ปี 2024

ในปัจจุบันพูดได้เลยว่ากระแสความนิยมหรือเทรนด์ไร้สายกำลังมาแรง โดยเฉพาะในหมู่ของคนที่รักและชื่นชอบการฟังเพลงจากลำโพงที่ในอดีตจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านสาย AUX 3.5mm เป็นหลัก รวมถึงใช้พลังงานจากถ่านไฟฉายหรือเสียบปลั๊กไฟ ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องการใช้งานที่อาจจะไม่อิสระเท่าที่ควรจากนั้นพอมาเป็นปัจจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลอีกขั้นทั้งเรื่องการเชื่อมต่อที่เปลี่ยนจากมีสายมาเป็นแบบไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth สามารถวางไว้แยกจาก Smartphone หรืออุปกรณ์ที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ได้ห่างกันในระยะที่ไกลถึง 10 เมตร รวมถึงแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดที่เล็กลง ให้พลังงานได้มากขึ้น ชาร์จซ้ำได้บ่อยขึ้น ทำให้สามารถพกพาไปนอกบ้านได้สะดวก และยังรวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกันน้ำ กันฝุ่น กันกระแทกรวมไปถึงไมโครโฟนสำหรับใช้งานเป็น Speakerphone ได้อีกด้วย นั่นจึงทำให้ลำโพงบลูทูธรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ใช้งานได้ทุกสถานที่ ทุกเวลาที่ต้องการ และนั่นทำให้สินค้าประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวนั่นเอง


ด้วยความนิยมดังกล่าวทำให้ปัจจุบันหลากหลายแบรนด์ทั้งแบรนด์ใหญ่แบรนด์เล็กต่างแข่งขันกันออกสินค้าแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งชูจุดเด่นเรื่องรูปร่างหน้าตา, ฟังก์ชันการใช้งานสุดล้ำ, ความทนทานในการใช้งาน, แบตเตอรี่สุดอึด และแนวเสียงที่แต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ทำให้ข้อดีตกเป็นของผู้ใช้งานที่มีสินค้าล้ำๆ ฟังก์ชันเด่นๆ แนวเสียงหลากหลาย และราคาหลายระดับให้ได้เลือกกัน แต่จะเลือกรุ่นไหนดี รุ่นไหนที่โดดเด่นคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์มากที่สุด บทความนี้ Mercular.com จะมารีวิว 7 อันดับ ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 โดยจะแบ่งเป็นลำโพง 5 กลุ่มตามการใช้งานเพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ลองเลือกหรือตัดสินใจได้ว่าเราเหมาะกับการลำโพงบลูทูธแบบไหน แล้วแบรนด์ไหนที่จะเข้าได้กับไลฟ์สไตล์เราได้มากที่สุด จะมีรุ่นไหนบ้างนั้นเราตามไปดูกันเลยครับ

ลำโพง Klipsch Nashville Portable Speaker

สเปกเด่นของลำโพง


  • กำลังขับ: 20W


  • การตอบสนองความถี่: 60 - 20,000 Hz


  • ระดับการกันน้ำ: IP67


  • Bluetooth version: 5.3



  • แบตเตอรี่: 24 ชั่วโมง

ลำโพง Klipsch Nashville Portable Speaker มาพร้อมรูปทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้าและความหนาที่พอประมาณ สามารถหยิบถือด้วยมือเดียวได้อย่างง่ายดายทั้งผู้ชายและผู้หญิง ควบคุมได้อย่างง่ายดายผ่านปุ่มที่อยู่บนตัวลำโพง เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth เวอร์ชัน 5.3 ระยะการเชื่อมต่อ 12 เมตรโดยไม่มีอะไรกั้น เชื่อมต่อเข้ากับลำโพงในซีรีส์ Music City และรุ่นอื่น ๆ ที่รองรับ Broadcast Mode ได้มากกว่า 10 ตัวแบบไร้สาย รับเสียงได้อย่างคมชัด สนทนาได้ชัดเจนในทุกการติดต่อด้วยไมโครโฟนภายในตัว มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP67 รองรับการชาร์จไปยังอุปกรณ์ภายนอกด้วยพอร์ตเชื่อมต่อ USB C รวมถึงรองรับการใช้งานร่วมกับแอป Klipsch Connect ในการตั้งค่าเพิ่มเติม เช่น Update เฟิร์มแวร์ และปรับแนวเสียง EQ เป็นต้น

ข้อดี


  • ขับเสียงออกหน้าและหลัง 360 องศา 
  • มีความทนทานสูง ไม่กลัวทั้งน้ำและฝุ่น 
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 1 วันเต็ม

ข้อเสีย


  • ไม่มีช่อง AUX/3.5 mm.

ลำโพงไร้สาย B&O Beosound A1 2nd Gen Wireless Speaker

สเปคเด่น


  • กำลังขับ: 60W


  • การตอบสนองความถี่: 55 - 20,000 Hz


  • ระดับการกันน้ำ: IP67


  • Bluetooth version: 5.1



  • แบตเตอรี่: 18 ชั่วโมง

B&O Beosound A1 2nd Gen Wireless Speaker นั้นมากับดีไซน์ที่สวยงาม ดูพรีเมียม พร้อมกับวัสดุที่ยอดเยี่ยมเป็นลำโพงที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ อีกตัวนึงเลยทีเดียวเพราะเค้ารองรับ Codec ไร้สาย aptX ที่หลาย ๆ ตัวในนี้อาจจะไม่มีมาให้ พร้อมกับการขับเสียงที่คุณภาพดีสุด ๆ เมื่อเทียบกับขนาดตัวด้วยไดรเวอร์เสียง Woofer และ Tweeter ที่ขับเสียงได้รอบทิศทางถึง 360 องศา พร้อมกับการพูดคุยที่ทำได้สะดวกมากขึ้นด้วยไมโครโฟนรับสายสนทนาในตัว ให้คุณพูดคุยได้ทันทีที่สายเข้าโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อแต่เห็นตัวแค่นี้ก็อย่าได้ดูถูกไป เพราะแบตเตอรี่ที่เค้าให้มานั้น สามารถเล่นได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงเชื่อมต่อได้เสถียรด้วย Bluetooth 5.1 แต่เห็นตัวแค่นี้ก็อย่าได้ดูถูกไป พร้อมกับการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP67 ตั้งไว้ในห้องเฉย ๆ ก็สวยงาม จะนำไปใช้กลางแจ้งหรือริมาระน้ำก็สบาย ๆ เลยล่ะครับ

ข้อดี


  • ขนาดเล็ก พกติดตัวไปได้ทุกสถานที่
  • คุณภาพเสียงเกินตัวด้วยไดรเวอร์เสียง Woofer และ Tweeter
  • รองรับ Codec ไร้สาย aptX
  • ฟังเพลงสนุก เสียงดีมีคุณภาพ
  • รองรับการจับคู่สองตัวเป็นเสียงสเตอริโอ

ข้อเสีย


  • กันน้ำได้แต่ไม่ควรจุ่มลงน้ำ

ลำโพงไร้สาย Klipsch The Three II Speaker

สเปคเด่น


  • กำลังขับ: 120W


  • การตอบสนองความถี่: 45 - 20,000 Hz


  • ขนาด: 34.82 x 17.78 x 20.3 ซม.


  • Bluetooth version: 4.2


  • น้ำหนัก: 4.7 กก.

Klipsch The Three II Speaker นั้นมากับดีไซน์ที่สวยงามสุด ๆ ด้วยดีไซน์แบบกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากวัสดุที่พรีเมียมอย่างไม้แท้คุณภาพดี ที่หุ้มด้วยผ้าเนื้อหนาให้เสียงที่กระหึ่มด้วยไดร์เวอร์ขับเสียงต่ำ Long-Throw Woofer พร้อมด้วยไดร์เวอร์ Full Range ขับเสียงครบทุกย่าน และ Passive Radiator คู่กำลังขับรวมทั้งระบบสูงสุด 120W ตอบสนองความถี่เสียงครอบคลุมตั้งแต่ 45 - 20,000 Hz พร้อมกับแผงควบคุมตกแต่งด้วยแผ่นโลหะ ที่เพิ่มความหรูหราไปอีกขั้น ด้านการเชื่อมต่อสามารถทำได้ทั้ง Bluetooth 4.2, AUX/3.5 mm., Phono (Pre-Amplified) และ RCA Stereo หรือหากใครที่ไม่สะดวกในการเดินมาปรับเพิ่ม/ลดเสียง  หรือหยุดเพลงล่ะก็เค้าก็มีรีโมทคอนโทรลมาให้เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย บอกเลยว่าคุ้มค่าแถมยังใช้งานได้ง่ายดายสุด ๆ

ข้อดี


  • ดีไซน์คลาสสิก วัสดุไม้แท้ คุณภาพดี
  • มีรีโมทคอนโทรลควบคุมระยะไกล
  • กำลังขับสูงสุด 120W เสียงดี กระหึ่ม
  • ฟังเพลงสนุก เสียงดีมีคุณภาพ
  • เชื่อมต่อทั้งแบบไร้สายและมีสาย

ข้อเสีย


  • น้ำหนักมาก
  • ไม่มีแบตฯ ในตัว
  • ไม่เหมาะกับการพกพา

ลำโพง B&O Beosound A5 Portable Speaker

ลำโพง B&O Beosound A5 Portable Speaker

สเปคเด่น


  • กำลังขับ: 280W


  • การตอบสนองความถี่: 32 - 23,000 Hz


  • ระดับการกันน้ำ: IP65


  • Bluetooth version: 5.2


  • แบตเตอรี่: 11 - 15 ชั่วโมง

B&O Beosound A5 Portable Speaker เป็นตัวที่ราคาสูงที่สุดใน 7 ตัวนี้ แต่บอกได้เลยว่าเป็นตัวที่คุ้มสุด ๆ เช่นเดียวกันซึ่งเจ้าตัวนี้มากับดีไซน์ที่เรียบง่ายและหรูหราโดยนักออกแบบชื่อดัง GamFratesi และประกอบกันด้วยวัสดุที่พรีเมียมอย่างวัสดุไม้โอ๊คแท้และอะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม กำลังขับรวม 280W กับไดรเวอร์ภายใน 4 ตัวที่กระหึ่มสะใจแน่นอน แถมยังให้เสียง 360 องศาเพราะจัดเต็มได้จากทุกมุมมองอย่างแน่นอน พร้อมกับรองรับการสั่งงานด้วยเสียงทั้งระบบ AirPlay 2, Chromecast และระบบ Multiroom นั่นเอง เจ้าตัวนี้ยังมีเทคโนโลยี RoomSense ที่จะช่วยปรับการเล่นตามพื้นที่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ ยังมีโหมดจับคู่สองตัวเข้าด้วยกันเป็นระบบเสียงสเตอริโอเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟัง และยังสามารถเป็นเครื่องชาร์จไร้สาย Qi ในตัว ชาร์จไฟให้สมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ พร้อมกับการรองรับการใช้งานถึง 12 ชั่วโมงและการกันน้ำที่ระดับ IP65 ด้วยฟังก์ชันที่จัดเต็มขนาดนี้บอกเลยว่าเป็นตัวจบอย่างปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนครับ

ข้อดี


  • กำลังขับรวม 280W ให้เสียง 360 องศา
  • วัสดุและงานประกอบระดับพรีเมียม
  • เทคโนโลยี RoomSense ปรับการเล่นตามพื้นที่
  • ชาร์จไฟให้สมาร์ตโฟนได้
  • รองรับการควบคุมผ่านแอปฯ B&O

ข้อเสีย


  • ไม่รองรับ aptX และ Hi-Res Audio 
  • ไม่มี AUX 3.5mm
  • ราคาค่อนข้างสูงกว่าตัวอื่น ๆ

ลำโพง Marshall Middleton Portable Speaker

สเปคเด่น


  • กำลังขับ: 60W


  • การตอบสนองความถี่: 50 - 20,000 Hz


  • ระดับการกันน้ำ: IP67


  • Bluetooth version: 5.1


  • แบตเตอรี่: 20 ชั่วโมง


ลำโพง Marshall Middleton Portable Speaker เป็นลำโพงพกพาจากแบรนด์ Marshall ที่มาพร้อมขนาดที่กะทัดรัดเพียง 109 x 230 x 95 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมสายคล้องด้านข้างที่ช่วยให้ถือหิ้วง่ายขึ้นและสามารถถอดออกได้อย่างอิสระ เชื่อมต่อได้ทั้งไร้สายและมีสาย โดยไร้สายนั้นเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เวอร์ชั่น 5.1 ส่วนมีสายใช้การเชื่อมต่อผ่านสาย AUX/3.5 mm. การควบคุมยังคงคาแรคเตอร์เอาไว้อย่างครบถ้วนด้วยการควบคุมจากปุ่มที่อยู่บนตัวและเพิ่มลดเสียงได้ผ่าน Control Knob รวมถึงยังสามารถเพิ่มลดเสียงแหลมและเสียงเบสได้อย่างอิสระผ่านปุ่มที่อยู่บนเครื่อง นอกจากนี้ที่ตัวลำโพงยังมีไฟแสดงระดับเสียงอีกด้วย และแน่นอนว่ามาพร้อมกับแบตเตอรี่ภายในตัวที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถชาร์จเร็วโดยใช้เวลาชาร์จเพียง 20 นาทีก็สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว และใช้เวลาในการชาร์จจาก 0 - 100% ในเวลาเพียง 4.5 ชั่วโมงเท่านั้น

ข้อดี


  • ขนาดกำลังดี ถือได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
  • สายคล้องด้านข้างตอบโจทย์การพกพา
  • เพิ่มเสียงให้ดังกระหึ่มถึงใจด้วย Stack Mode
  • ไดรเวอร์ครบทั้ง Woofer และ Tweeter

ข้อเสีย


  • Bluetooth เวอร์ชัน 5.1

ลำโพง JBL Pulse 5 Portable Speaker

สเปคเด่น


  • กำลังขับ: 40W


  • การตอบสนองความถี่: 58 - 20,000 Hz


  • ระดับการกันน้ำ: IP67


  • Bluetooth version: 5.3


  • แบตเตอรี่: 12 ชั่วโมง

JBL Pulse 5 ปรับปรุงสเปกด้านเสียงใหม่หมดโดยมีกำลังขับอยู่ที่ 40W RMS พร้อมจุดเด่นด้านการออกแบบให้มีการกระจายเสียงแบบรอบทิศทาง ทำให้ได้ยินชัดเท่ากันทุกตำแหน่ง ภายในลำโพงติดตั้งดอกทวีตเตอร์และดอกวูฟเฟอร์อย่างละ 1 ตัว ทำหน้าที่ขับเสียงแยกจากกัน พร้อมด้วย passive radiator ด้านล่างของลำโพงสำหรับขับเสียงย่านความถี่ต่ำที่หนักแน่นและชัดเจน ให้แนวเสียงฟังสนุกสไตล์ JBL Original Pro Sound เบสหนักแน่น กลางแหลมคม ใส ชัดเจนทุกทิศทาง จุดเด่นที่สุดคือดีไซน์แบบเท่งแก้วใสที่ภายในเป็นเอฟเฟ็กต์ไฟปาร์ตี้รอบตัว 360 องศา ให้ความสวยงามและบรรยากาศสนุกสนานในขณะฟังเพลง สามารถกดเลือกการแสดงผลได้ 6 รูปแบบ แต่ละรูปแบบจะมีเอฟเฟ็กย์แยกย่อยลงไปอีกหลายอย่าง สามารถปรับสี ปรับเอฟเฟ็กต์ ปรับความสว่าง เปิด-ปิดไฟได้ตามต้องการผ่านแอปฯ JBL Portable JBL Pulse 5 มีคุณสมบัติกันฝุ่นและกันน้ำได้ถึงระดับ IP67 และสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 12 ชั่วโมง สนุกกับเสียงเพลงและไฟปาร์ตี้ได้ทั้งวัน และใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการชาร์จไฟจนเต็ม 100% ผ่านพอร์ต USB-C

ข้อดี


  • ดีไซน์แท่งแก้วใสพร้อมไฟปาร์ตี้รอบตัว 360 องศา 
  • กำลังขับ 40W RMS เสียงกระหึ่ม กระจายเสียงรอบทิศทาง 
  • ฟีเจอร์ PartyBoost เชื่อมต่อลำโพงร่วมกันได้หลายตัว 
  • กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67

ข้อเสีย


  • ไม่มีปุ่มปรับวอลลุ่มบนตัวลำโพง 
  • ไม่มีช่องอินพุตแบบเสียบสาย 
  • น้ำหนักค่อนข้างเยอะ ตัวลำโพงเป็นแก้วใสต้องระมัดระวัง 
  • ไม่มีไมค์ในตัว คุยโทรศัพท์ผ่านลำโพงไม่ได้

ลำโพง Bose SoundLink Flex Bluetooth Speaker

สเปคเด่น


  • กำลังขับ: -


  • การตอบสนองความถี่: -


  • ระดับการกันน้ำ: IP67


  • Bluetooth version: 4.2


  • แบตเตอรี่: 12 ชั่วโมง

ลำโพง Bose SoundLink Flex อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ Bose เพื่อส่งมอบคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่ลำโพงบลูทูธจะทำได้ ภายในติดตั้งไดร์เวอร์ออกแบบพิเศษเฉพาะจำนวน 2 ตัว พร้อม Passive Radiator ด้านหลัง มอบเสียงที่ชัดเจนที่สุดครอบคลุมตั้งแต่ย่านเบสถึงย่านแหลม พร้อมกับให้เสียงเบสที่หนักแน่นทุ้มลึกเต็มพลัง นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับการประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) เพื่อรับรองคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติกันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 สร้างขึ้นจากวัสดุที่ทนทาน ตะแกรงด้านหน้าเป็นโลหะเคลือบ Powder-coated บอดี้ด้านนอกเคลือบซิลิโคน สามารถทนต่ออุบัติเหตุได้เกือบทุกชนิด เช่น การตกจากที่สูง ขณะเดียวกันสีของลำโพงจะไม่หลุดลอกง่าย ๆ และทนต่อการกัดกร่อนจากสนิมและแสงยูวีได้เป็นอย่างดี  มีเทคโนโลยี PositionIQ ที่จะปรับเสียงให้เหมาะสมที่สุดอัตโนมัติตามทิศทางของตัวลำโพงทั้งแนวนอนและแนวตั้ง สามารถจับคู่ด้วยกันสองตัวเพื่อสร้างเสียงสเตอริโอซ้าย/ขวาได้ ให้มิติเสียงที่ครบและสมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจับคู่กับลำโพงบลูทูธ Bose รุ่นอื่นๆ เพื่อเปิดใช้งานโหมดปาร์ตี้แ และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Bose Smart Soundbars ได้อีกด้วย แบตเตอรี่ของลำโพง Bose SoundLink Flex ใช้งานได้สูงสุด 12 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง เพียงพอสำหรับการมอบความเพลิดเพลินในกิจกรรม outdoor เต็มวัน

ข้อดี


  • ออกแบบให้มีความทนทานสูง 
  • คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมแบบฉบับแบรนด์ Bose 
  • กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 
  • เทคโนโลยี PositionIQ ปรับเสียงตามทิศทางอัตโนมัติ

ข้อควรระวัง


  • ยังเป็น Bluetooth เวอร์ชัน 4.2 
  • ไม่รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี marshall willen

เป็นยังไงกันบ้างครับกับรีวิว 7 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี เสียงดี คุ้มค่า ปี 2024 ที่ Mercular.com เลือกมาแนะนำกันในบทความนี้ ทุกรุ่นเป็นลำโพงที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานซึ่งมาพร้อมคุณภาพคับแก้ว สเปกและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เสียงดี และตอบโจทย์การใช้งานแต่ละรูปแบบได้อย่างน่าสนใจ และหาก 7 ลำโพงในบทความนี้ยังไม่จุใจ เราก็ยังมีความ 9 สุดยอดลำโพงไร้สาย ที่ดีที่สุดในปี 2023 เป็นตัวเลือกให้เข้าไปอ่านรุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกด้วยครับ ทางเราหวังว่าคนที่กำลังตัดสินใจซื้อลำโพงบลูทูธตัวใหม่อยู่จะได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์และครบถ้วน และน่าจะช่วยให้เลือกลำโพงที่ถูกใจได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน ที่สำคัญ หากมีโอกาสแนะนำว่าควรลองฟังเสียงลำโพงรุ่นที่จะซื้อก่อนเพื่อที่จะได้รู้ว่าเสียงที่แท้จริงของลำโพงรุ่นนั้นเป้นอย่างไร ถูกใจหรือไม่ ดีกว่าจ่ายเงินซื้อแล้วมาเสียใจภายหลัง


สุดท้ายนี้ Mercular.com ต้องขอตัวลาไปก่อน ติดตามบทความ Buying Guide แนะนำสินค้ารุ่นใหม่น่าสนใจแบบนี้ได้ที่เว็บไซต์ของเรา สำหรับครั้งนี้ สวัสดีครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2