ทำ Vlog สุดปัง! 6 เคล็ดลับสร้าง Vlog ที่น่าติดตามและทุกคนต้องดู
กล้อง DJI OSMO Action


รับประกันโดยศูนย์ไทยระยะเวลา 1 ปี

เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

แชทคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสินค้าที่ใช่สำหรับคุณ
รีวิว กล้อง DJI OSMO Action


สรุปกล้อง DJI OSMO Action เหมาะกับใคร ?
DJI OSMO Action เป็นกล้อง Action Camera รูปทรงคุ้นตา ที่ DJI ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ลุยกว่าและแรงกว่าตัว OSMO Pocket หวังตีตลาดแฟน ๆ Action Camera สายลุยแบบ GoPro บ้าง ซึ่งจุดเด่นในเรื่องการใช้งานของมันก็คือ Front Screen จอหน้าที่ทำมาเอาใจ Vlogger ทำให้ผู้ใช้งานเห็นว่าตัวเองกำลังจับภาพอะไรอยู่ในขณะที่กำลังถ่ายมุมเซลฟี่นั่นเอง ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับงาน Vlog หรือถ่ายภาพ Group Selfie นั่นเอง นอกจากนั้นสเปคการใช้งานยังเทียบเท่า GoPro Hero 7 หรือสูงกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะในด้านการถ่ายทำ ที่ตัว Action Camera จาก DJI ตัวนี้จะมี Effect Cinelike และ ถ่าย Slow Motion ได้ในความละเอียด 4K ทำให้ด้านงานภาพของกล้อง Osmo Action จะมีความเป็นภาพยนตร์หรือซีเนมาติกมากกว่า ส่วนเรื่องความทนทานมันสามารถลงน้ำได้ลึกถึง 11 เมตร โดยไม่ต้องใช้เครื่องป้องกัน บวกกับเลนส์กล้อง 3 ชั้นช่วยป้องกันฝ้า ฝุ่น น้ำ การตกกระแทก อีกทั้งยังสามารถทำงานได้ในอุณหภูมิต่ำ (-10℃.) แถมด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 12,000 บาท ทำให้ราคามันถูกกว่า GoPro Hero 8 และ Max ที่เพิ่งเปิดตัวมาค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีการใช้งานที่ยังไม่ตกรุ่นเทียบเคียงกันได้นั่นเอง


กล้อง Action Camera ที่มี Stabilizer 2 ระบบ


กล้องกันสั่น 2 ระบบ
นอกจากหน้าจอที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของ DJI OSMO Action แล้ว สิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจมาก ๆ ก็คือระบบกันสั่น 2 ระบบที่มีการใช้งาน Mechanical Gimbal 3 แกน และระบบกันสั่นด้วยไฟฟ้า หรือ Rocksteady ภายในกล้องตัวเดียว ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้ก็เป็นระบบที่ DJI เชี่ยวชาญและเป็นอันดับ 1 ในตลาดเสมอมา ทำให้เมื่อนำไปเทียบกับระบบกันสั่นกับกล้อง Action Camera ตัวอื่น ๆ แล้ว ภาพของตัว OSMO Action นั้นจะมีความนิ่งมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

สเปคที่เทียบเท่า GoPro
ตัวกล้อง DJI OSMO Action มาพร้อมกับคุณภาพการถ่ายทำสูงสุดที่ 4K 60p และสามารถถ่ายทำในโหมด HDR หรือ Slow motion x8 พร้อม ๆ กันไปได้ด้วย ส่วนตัวเลนส์นั้นจะมีความกว้างที่ 145 องศา รูรับแสงกว้างที่สุด 2.8 และใช้ Sensor Sony IMX377 ขนาด 1/2.3” ความละเอียดภาพ 12 Megapixels ความละเอียดในการถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ถือว่าเทียบเท่า GoPro Hero 8 ต่างกันที่การถ่าย VDO 4K60p ของ OSMO Action จะถ่ายได้บนอัตราส่วนภาพ 16:9 เท่านั้น

ฟีเจอร์การถ่ายทำหลากหลาย
เจ้ากล้อง Action Camera DJI ตัวนี้ก็มีฟีเจอร์การถ่ายทำที่ไม่มากไม่น้อย โดยผู้ใช้งานสามารถใช้ฟังก์ชั่นการถ่ายทำหลัก ๆ ได้ 4 อย่างได้แก่ Time-lapse, Custom Exposure, Slow Motion และ Timed Shooting ส่วนเอฟเฟคการถ่ายทำอื่น ๆ นั้นก็มีเป็น Presets ให้ใน Application แต่ที่น่าจับตามองก็คือแผงหน้าจอควบคุมจองตัว OSMO Action ที่ควบคุมและใช้งานง่าย อย่างปุ่มลัดที่สามารถสั่งใช้งานโหมดที่ล็อคไว้ได้ทันที และยังรองรับการใช้งานสั่งการด้วยเสียงได้อีกด้วย


DJI Mimo เหมือนมีโปรอยู่ข้างกาย
ไฮไลท์สุดท้ายของเจ้า DJI Osmo Action ก็คงไม่พ้น Application DJI Mimo ที่ถือว่าเป็นแอพพลิเคชี่น Action Camera ที่หลาย ๆ สื่อยกให้ว่าดีที่สุดที่นอกจากจะเป็นตัวช่วยในการจัดเก็บไฟล์หลังการถ่าย ยังสามารถใช้ควบคุมกล้อง หรือเปิดใช้งานฟีเจอร์และฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของกล้องได้ด้วยเช่น Face Tracking แถมยังสามารถใช้ตัดต่อฟุตเทจไฟล์ได้แบบอัตโนมัติ ไปจนถึง Manual Editing ที่ให้เราแต่งภาพหรือตัดต่อคลิปวีดีโอที่ได้มาด้วยตัวเอง ไปจนถึงฟังก์ชั่น Academy ที่จะสอนเทคนิคในการใช้งานเจ้ากล้องตัวนี้ให้คุณเป็นโปรคนต่อไป

อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x กล้อง DJI OSMO Action
- 1 x กรอบใส่กล้อง พร้อมสกรูวล็อค
- 1 x Mount กล้องพื้นผิวเรียบ
- 1 x Mount กล้องพื้นผิวโค้ง
- 1 x เพลท Quick-Release Base
- 1 x กล่องใส่แบต และเมมโมรี่
- 1 x แบตเตอรี่
- 1 x สายชาร์จ USB-C
Key Highlight
- กล้อง Action Camera มาพร้อม 2 ระบบกันสั่น
- เชื่อมต่อกับมือถือได้ ใช้งานง่าย
- ความละเอียดการถ่ายทำระดับ 4K
- มีแอปสำหรับ Post-Production แถมมาในตัว
- อุปกรณ์ครบครันในกล่อง


GoPro หรือ OSMO Action ?
สำหรับกล้อง Action Camera ตัวท็อปในตลาดตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น GoPro Hero 8 หรือ Max และ OSMO Action ก็มีฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ตอบโจทย์การใช้งานครบครัน ในส่วนของเรื่องสเปค GoPro ตัวใหม่ทั้ง 2 รุ่นอาจจะมีการใช้งานที่นำ OSMO Action เล็กน้อย อย่างเช่น Frame ภาพของ Hero 8 ที่ถ่ายสเกลภาพ 4:3 ได้บนความละเอียดสูงสุด พร้อม FOV ที่กว้าง 170 องศา และ ความละเอียดของ GoPro Max ที่ทำได้ถึงระดับ 5K รวมไปถึงฟังก์ชั่นในการ Live ภาพสด ๆ แต่ตัว OSMO Action ก็จะได้เปรียบในเรื่องของการใช้งานที่ Friendly Use และ Application ที่ใช้งานได้ดีกว่า การออกแบบที่มีจอหน้าสำหรับใช้งานสำหรับสาย Vlog โดยเฉพาะ ซึ่งอุปกรณ์เสริมของ Hero 8 ที่เป็นจอหน้านั้นไม่สามารถใส่ลงน้ำได้ อีกทั้งตัวกล้อง DJI ยังมีราคาที่ถูกกว่าฉะนั้นก็พูดได้ว่า สำหรับใครที่ชอบงาน Action ไปจนถึง Landscape กว้าง ๆ อยากได้กล้องเอาไว้ติดบนหัว หรือบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เจ้า GoPro ทั้ง 2 รุ่นนั้นก็เหมาะกว่าทั้งคุณภาพการถ่ายทำสูงสุด และโหมดถ่ายทำที่หลากหลาย แต่สำหรับสาย Vlog แล้ว DJI OSMO Action นั้นแอบใช้งานง่ายกว่า สเปคใกล้เคียงกัน กันสั่นเยี่ยม มีกล้องหน้าในตัวเหมือน GoPro Max แต่ราคาถูกกว่าถึง 5,000 บาทเลยทีเดียว !
มี
CMOS
f/2.8
4K
60fps
ได้
256 GB
8x slow motion (240fps)
1300 mAh
2.25" 640×360, 325 ppi